“กรมสรรพสามิต” เผยค่ายรถยนต์แห่ขึ้นราคารถยนต์ หลังโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ที่เก็บจาก CO2 และพลังงานที่ใช้จะมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.ปีหน้า ระบุรถประหยัดพลังงานอย่างอีโคคาร์เสียภาษีเท่าเดิม รถกระบะเสียแพงขึ้น 1–3 หมื่นบาท รถยนต์ราคา 1–2 ล้านบาท เสียภาษีเพิ่ม 40,000–100,000 บาท ขณะที่รถยนต์ราคาเกินกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีแพงขึ้นตั้งแต่ 100,000 จนถึง 1 ล้านบาท

EyWwB5WU57MYnKOuXobVAy0tuofUO41e7OgR1VFqXO5fwZZIb3LWzZ

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559 โดยขณะนี้บริษัทรถยนต์ได้ทยอยส่งราคารถยนต์ให้แก่กรมสรรพสามิตพิจารณาปรับอัตราภาษีใหม่แล้วประมาณ 90% ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นรถยนต์หรูราคาแพง ซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในประเทศและที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ บริษัทรถยนต์ที่ได้เปิดสายการผลิตรถยนต์ภายในประเทศและที่นำเข้าทุกยี่ห้อและทุกรุ่นจะส่งราคารถยนต์ให้แก่กรมสรรพสามิตเพื่อพิจารณาจัดเก็บภาษีรถยนต์ใหม่ได้อย่างแน่นอน

“กรมสรรพสามิตได้ประกาศโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ที่จัดเก็บโดยพิจารณาจากการใช้เชื้อเพลิง และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 มาตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.2555 โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังกล่าวได้ให้ระยะเวลาผู้ประกอบการรถยนต์ทุกค่ายได้มีเวลาปรับตัวหรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน โดยเฉพาะการลงทุนใหม่เพื่อพัฒนาเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยอัตราภาษีใหม่นี้ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559 เป็นต้นไป”

ทั้งนี้ นายสมชาย กล่าวด้วยว่า สำหรับอัตราภาษีใหม่ที่บรรดาค่ายรถยนต์ได้เริ่มทยอยส่งราคาใหม่ให้แก่กรมสรรพสามิตนั้น พิจารณาแล้วพบว่า ราคารถยนต์ที่เสนอมาใหม่มีราคาขายสูงกว่าราคารถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน โดยมีสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือ 1. บริษัทรถยนต์ได้พัฒนาคุณภาพของเครื่องยนต์ดีขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น และ 2. ผู้ผลิตได้ออกรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ราคาขาย ณ ราคาปัจจุบันกับราคา ในอนาคตมีความแตกต่างกัน ซึ่งทำให้ราคารถยนต์ในปีหน้าแพงขึ้น

“โครงสร้างภาษีรถยนต์เก่ากับใหม่ ในหลักความจริงแล้วโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่น่าจะถูกกว่าโครงสร้างภาษีของรถยนต์ในปัจจุบัน แต่เนื่องจากราคารถยนต์ที่ผู้ผลิตแจงมามีราคาแพงขึ้น จึงทำให้กรมสรรพสามิตต้องเก็บภาษีบนฐานราคาแพงขึ้นไปด้วย โดยในปีงบประมาณ 2558 กรมสรรพสามิตมีรายได้จัดเก็บภาษีรถยนต์ประมาณ 85,000 ล้านบาท และคาดว่าปีหน้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 95,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท”

ทั้งนี้ นายสมชายชี้แจงเพิ่มเติม ภาษีที่กรม สรรพสามิตจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าราคารถยนต์จะปรับเพิ่มขึ้นเท่ากับภาษีที่จัดเก็บมากขึ้น แต่เป็นเรื่องกลยุทธ์ของบริษัทรถยนต์ที่จะปรับราคาขึ้นไป หรือยอมรับการขาดทุนกับโครงสร้างภาษีใหม่ โดยโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่นี้ รถยนต์ประเภทประหยัดพลังงาน เช่น อีโคคาร์ จะเสียภาษีเท่าเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างภาษีเดิม เนื่องจากเป็นรถขนาดเล็กและประหยัดพลังงาน ขณะที่รถกระบะหรือปิกอัพจะเสียภาษีแพงขึ้นคันละ 10,000-30,000 บาท รถยนต์ราคาหลักล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท ไปจะเสียภาษีแพงขึ้นประมาณคันละ 40,000-100,000 บาท แต่หากเป็นรถยนต์หรูราคาหลายล้านบาท อาจจะเสียภาษีแพงขึ้นตั้งแต่ 100,000 บาทจนถึง 400,000 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพลังงานที่ใช้และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

“ภาษีรถยนต์ที่แพงขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นรถหรูราคาแพง หากเป็นรถยนต์ราคาหลักล้านบาท เสียภาษีแพงขึ้น 10,000-20,000 บาท ก็ไม่ได้ถือว่า แพงมากนักสำหรับรถยนต์ราคาหลักล้านบาท แต่หากเป็นรถยนต์ราคาหลายล้านบาทก็จะเสียภาษีแพงขึ้น 200,000-400,000 บาท ส่วนรถยนต์อีโคคาร์บางยี่ห้อบางรุ่น ไม่ได้เสียภาษีเพิ่มขึ้นเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมยกตัวอย่างการเสียภาษีที่เพิ่มขึ้น รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าเสียภาษีแพงขึ้น 12,000-450,000 บาท รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเสียภาษีแพงขึ้น 5,000-120,000 บาท รถยนต์มาสด้าเสียภาษีแพงขึ้น 85,000-140,000 บาท รถยนต์มิตซูบิชิ 8,000-140,000 บาท รถยนต์เชฟโรเลต 20,000-120,000 บาท รถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู 100,000-500,000 บาท และรถเบนซ์ 289,000- 1 ล้านบาท เป็นต้น สำหรับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ซึ่งจัดเป็นรถพีพีวี (รถอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นจากรถกระบะ) จะเสียภาษีแพงขึ้น 70,000 บาทไม่ใช่ 100,000 บาท

ทั้งนี้ โครงสร้างภาษีใหม่ของกรมสรรพสามิตนั้น นอกจากการเก็บภาษีจะพิจารณาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วยังพิจารณาจากพลังงานที่ใช้ด้วย เช่น รถยนต์นั่งและรถโดยสารไม่เกิน 10 คน กรณีปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร หากใช้พลังงานอี 10-20 เสียภาษี 30% แต่หากใช้พลังงานอี 85-เอ็นจีวี เสียภาษี 25% แต่หากเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด เสียภาษี 10% เป็นต้น.

เรื่องน่าสนใจ