ตร.อุดรฯ นำตัวพระจอมขมังเวท พร้อมสมุนทั้ง 4 ชี้จุดขุดศพในป่าช้าบ้านเชียงแหว จ.อุดรธานี ก่อนจับสึกบนโรงพัก ดำเนินคดีทางกฎหมาย เจ้าตัวรับไปเรียนวิชาอาคมมาจากเขมร แต่ยังปากแข็งไม่ได้ขุดศพ ขณะที่สมุนอีกคนยืนยันร่วมกันนำกะโหลกไปทิ้งทะเลบัวแดงจริง…
กรณี พระอุ่น อธิโญ พร้อมกับพวก รวม 5 คน เข้าไปขุดศพลักศีรษะผีตายโหงในป่าช้า ในเขต อ.ประจักษ์ศิลปาคม และ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ทั้งศพเด็กชาย-หญิง ถูกยิง และตายทั้งกลม รวม 4 ศพ เพื่อนำไปทำพิธีขอหวย ทำให้ญาติศพที่ถูกขโมยเสียใจและชาวบ้านหวาดผวา หลังถูกจับ พระขมังเวทยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ส่วนชาวบ้าน 4 คน ให้การรับสภาพว่า พระเจาะหน้าผากศพศีรษะเด็กทำปั่นเหน่ง ก่อนนำกะโหลกเด็กไปทิ้งทะเลบัวแดง ใกล้ท่าเรือบ้านเชียงแหว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เม.ย. พ.ต.ต.ณัฐพงษ์ ฉวีทอง สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี ร.ต.ท.ศราวุธ สุระเสียง พงส.สภ.กุมภวาปี พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ควบคุมตัว พระอุ่น อธิโญ อายุ 65 ปี นายวรพงษ์ เสนาพล อายุ 21 ปี และนายขุนทอง เกตุหนู อายุ 32 ปี ไปชี้จุดเกิดเหตุหลุมศพ ด.ญ.มณี เนตรพรหม อายุ 8 ขวบ และ ด.ญ.ภาณุพงศ์ เนตรพรหม อายุ 6 ขวบ ในป่าช้าบ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นควบคุมตัวไปค้นกุฏิที่วัดป่าธรรมเจริญ บ้านเมืองเก่า ต.พันดอน พบตะขอช้าง หรือคชกุศ ลงอัขระภาษาขอม และค้อนปอนด์ จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.กุมภวาปี
ต่อมา พ.ต.อ.วิชาญ สะธรรมแปง พงส.ผทค.สภ.กุมภวาปี ได้นิมนต์ พระครูอุดมกิจจาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอกุมภวาปี มาทำพิธีสึกพระอุ่น บน สภ.กุมภวาปี หลังจากที่พระอุ่นได้กล่าวคำลาสิกจบ พระครูอุดมกิจจาภรณ์ได้ทำการถอดจีวรออก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำเสื้อและกางเกงมาให้สวมใส่แทน เสร็จแล้วได้นำนายอุ่นไปพิมพ์ลายนิ้วมือ และสอบสวนปากคำ โดยนายอุ่น ให้การว่า ตนเองได้ร่ำเรียนวิชาอาคมมาจากเขมร แต่ยังปากแข็งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้ขุดศพ หรือลักศพ แต่อย่างใด
พระครูอุดม กล่าวว่า การไปลักศพในป่าช้าเพื่อมาทำของขลัง มันไม่ใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ พระวินัยบัญญัติไว้ว่า เป็นอเนสนา คือ การหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นภิกษุ ผิดสมณวิสัย หากินโดยมิชอบ เบียดเบียนชาวบ้าน เบียดเบียนศพ แม้จะตายไปแล้วก็ตาม เขาเรียกว่า เดรัจฉานวิชา หน้าที่ของพระก็คือ นั่งสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นพระต้องมีเมตตา ไปเรียนเดรัจฉานวิชามาเพื่อเบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายจึงเป็นโมฆะบุรุษ หรือบุรุษชั่ว โลกติเตียน จึงอาบัติต้องลาสึก
ด้านนายวรพงษ์ ผู้ต้องหาอีกราย ให้การรับสารภาพว่า ตนมีส่วนร่วมเข้าไปขอหวยจริง ส่วนนายอุดม กลัวและเดินออกไปก่อน และพระอุ่นหรือนายอุ่นได้สั่งให้ตนและนายขุนทองขุดหลุมศพเด็ก พระอุ่นทำพิธีบริกรรมคาถาเดินเป็นวงกลมรอบหลุมศพ เมื่อพวกตนขุดจนเจอร่าง พระอุ่นก็กระโดดลงไปในหลุมศพ จากนั้นก็ไล่ให้พวกตนออกไปจากป่าช้า อ้างว่าจะทำพิธีขอหวยเอง และสั่งว่าให้นายอุดมมารับกลับวัด โดยที่พวกตนไม่เห็นว่าพระอุ่นทำอะไรกับศพ หรือเอากะโหลกไปไว้ที่ไหน ขณะที่นายขุนทอง ยังยืนยันว่าพระอุ่นและตนนำกะโหลกไปทิ้งทะเลบัวแดงจริง
พ.ต.อ.วิชาญ สะธรรมแปง พงส.ผทค.สภ.กุมภวาปี เผยว่า ในส่วน สภ.กุมภวาปี ได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีกับพระอุ่น นายวรพงษ์ นายขุนทอง ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยไม่มีเหตุอันควร ทำให้เสียหายเคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพ ส่วนของศพ
ส่วนนายอุดม แสงแก้ว คนไปขอหวย และนายไพพจน์ ขยายชน คนชี้เป้า ไม่ได้มีส่วนในการขุดหลุมและลักศพ จึงสอบไว้เป็นพยาน ส่วนนายวรพงษ์และนายขุนทอง รับสารภาพว่าได้ร่วมขุดศพจริง แต่ไม่ได้ลักศพ เพื่อนำไปขาย หรือการค้า ส่วนพระอุ่น หรือนายอุ่น ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ตำรวจเชื่อว่าพระอุ่นเป็นผู้สั่งการ