ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสมาชิกเว็บไซต์พันทิบได้ตั้งกระทู้ว่า “จากคำว่า “ไออ้วน” จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจ” โดยลงเนื้อหา รีวิว จากหนุ่มร่างอ้วน มาเป็นหนุ่มหล่อ หุ่นดี ได้อย่างไม่ยากนัก ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า สวัสดีครับทุกๆคน เดี๋ยวนี้มีกระทู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักมาให้อ่านเยอะมากๆ
จากที่ผมได้อ่านเรื่องราวของหลายๆคนแล้ว ก็เกิดคันไม้คันมือ อยากมาแชร์ประสบการณ์ความเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกัน เผื่อจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ได้ทำตามความตั้งใจให้สำเร็จ อย่ามัวแต่เดี๋ยวครับ คิดแล้วก็ทำเลย !!!
ก่อนอื่นผมมีคาถามาแนะนำสำหรับคนคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คือ
ค = คิดแล้วลงมือทำทันที อย่าเดี๋ยว ลบคำว่าเดี๋ยวออกจากสมองไปซะ
ว = วินัยต้องสูง เวลาเราจะทำอะไรควรมีวินัย แล้วสิ่งนั้นจะสำเร็จ
ย = อย่าท้อแท้ หรือยอมแพ้ต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่เช่นนั้นคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนขี้แพ้
ลงมือทำตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเอง ไม่รักตัวเองแล้วใครจะมารักครับผม
ขอแนะนำตัวหน่อยนะครับผม ผมชื่อ ตั้ว ปัจจุบันรับราชการทหาร และเป็นนักดนตรี เรื่องราวการลดน้ำหนักของผมเริ่มเมื่อ 3ปี ที่แล้ว…น้ำหนักเมื่อ 3ปี ก่อนที่จะลดน้ำหนักของผมอยู่ที่ 90-93 กิโล ผมว่ามันไม่น้อยเลยนะครับสำหรับผู้ชายที่สูงเพียงแค่ 174 เท่านั้นเอง มันดูไม่ค่อยสมส่วนกันเลย น้ำหนักปัจจุบันอยู่ที่ 59 กิโล ลดลงมา 34 กิโลครับ
ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบกิน ชอบมากพวกบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง หมูกะทะ ชาบู ของทอด ขนม น้ำหวาน น้ำอัดลม นมเปรี้ยว นี่หละตัวการสำคัญในการสร้างน้องไข(มัน)ของผมเลยหละครับ เรื่องพฤติกรรมการทานอาหารของผมก็สำคัญ เมื่อก่อนปกติผมทานข้าววันละ 4-5 มื้อ และไม่ปล่อยให้ท้องว่าง ดังนี้
– เช้า ก็พวกข้าวราดแกง ต้องมีไข่ดาวด้วยเสมอ ตบท้ายด้วยกาแฟเย็นสักแก้ว
– กลางวัน อาหารตามสั่งทั่วไป ข้าวกะเพราหมูกรอบไข่ดาว หมู,ไก่,ทะเลผัดพริกแกงงี้ แต่ชอบก็จะเป็นหมูกรอบ และต้องมีไข่ดาว หรือไข่เจียวมาคู่กันเสมอ ไม่อิ่มก็เบิ้ล หรือไม่ก็ตบปากตัวเองด้วยลูกชิ้นทอด ไก่ทอด ได้ไอติมเย็นๆล้างปาก แหม่…ฟินนะครับ
– เย็น ก็ตามสั่งเหมือนเดิมอีกเช่นเคย บางวันก็ก๊วยเตี๋ยวพิเศษ ตบท้ายด้วยขนม นม ไส้กรอก น้ำอัดลม
– มื้อถึงบ้าน เพื่อช่วยในการขับถ่ายแล้ว นมเปรี้ยวสักขวด(ใหญ่)น่าจะดีต่อสุขภาพ แล้วขนมสักห่อ
– มื้อพิเศษ จะมีหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่อารมณ์ครับผม ด้วยความเป็นคนชอบทำอาหาร ก็เลยชอบทำให้ตัวเองชิมก่อนนอน ลองคิดภาพตามนะครับกินแล้วนอนเลย…สุดไหมละ
เมื่อก่อนช่วงมัธยมต้นจะไม่ค่อยอ้วนเท่าไร เราทานเยอะจริง แต่ได้ออกกำลังกายโดยการเล่นวงโยธวาทิต แต่พอขึ้นมัธยมปลายเท่านั้นหละ น้ำหนักขึ้นเอาเรื่อยๆเลย เพราะว่าทานกับซ้อมดนตรี แต่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ต่อให้ทำงานเล่นดนตรีกลางคืน เล่นเสร็จมันก็หิวนิครับ ต่อด้วยข้าวมันไก่หน่อยไหมละก่อนกลับบ้าน ฮ้าๆ
แม่ก็บ่นว่าผมอ้วนแล้ว ไปวิ่งบ้าง แต่ผมก็ทำหูทวนลมครับ เพื่อนๆก็แซว ชอบเรียกผมว่าไอ้อ้วนบ้าง ไอ้หมูบ้าง แต่ตอนนั้นไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ ส่องกระจกมองตัวเอง “เห้ย…เราก็แค่คนอวบ มีเนื้อเท่านั้นหละ ไม่อ้วนเท่าไรหรอก” รอให้อ้วนกว่านี้ค่อยลดก็ได้ ไม่เป็นไรเรายังแข็งแรงดีอยู่ น้ำหนักตอนจบ ม.6 อยู่ที่ 85 กิโล พอปิดเทอมเข้ามหาลัยเท่านั้นละครับ เลข 9 มีมาให้เห็นจนได้
จนวันที่เปลี่ยนแปลงของผมก็มาถึง ผมเล่นดนตรีอยู่ พอเล่นเสร็จ มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาผมแล้วพูดกับผมว่า “น้องๆ น้องใช่มือแซกที่เล่นที่ร้าน…นั้นไหม พี่จำสำเนียงแซกของน้องได้(ดีใจ) แล้วก็อ้วนๆตุ้ยนุ้ยๆ เป่าแซกอายุน้อยแบบนี้น่าจะมีไม่กี่คน” คำว่าน้องใช้นักดนตรีอ้วนๆคนนั้นไหมเป็นคำที่ผมได้ยินบ่อยมาก จนผมคิดแล้วว่า เออ…หรือเราจะอ้วนจริงๆ ไปซื้อเสื้อผ้าตามร้านธรรมดาก็ไม่ได้ หา size L ยากมาก ต้องขึ้นห้างเพื่อหา L กับ XL XXL เท่านั้น ผมเลยตั้งปฏิญานกับตัวเองตั้งแต่วันนั้นเลยว่า “กูจะลดความอ้วน จะต้องผอม จะใส่เสื้อตามตลาดให้ได้(คิดแบบนี้จริงๆนะ!)”
จากนั้นผมทั้งออกกำลังกาย(บ้าง) ร่วมกับควบคุมอาหาร ดังนี้
– เช้า ในช่วงต้นผมเริ่มออกกำลังกายวันละ 10-15 นาทีตอนเช้าหลังจากตื่นนอนทันที ทั้งซิทอัพ กระโดดตบ ทำไรก็ได้ให้เหงื่อออก จาก 15 เพิ่มเป็น 20-30นาที แล้วก็อาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวก็ทานแค่ครึ่งหนึ่งของที่เคยทาน มันทรมานมากครับ แต่ก็ได้ไข่ต้ม กับดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆนี่หละช่วยไว้ ผมดื่มน้ำเปล่าทั้งวันเลย
– กลางวัน พยายามเดินขึ้นลงอาคารบ่อยๆ ละลดการบริโภคแป้ง มื้ออาหารผมเลือก เกาเหลา(ไม่เอาข้าวเปล่านะครับ) หรือไม่ก็สุกี้ไก่น้ำผักเยอะๆ ถ้าหิวขนมก็ซื้อมากินแค่ 1-2ชิ้น ต้องตัดใจโยนทิ้งเลยครับ ให้แค่หายอยากเฉยๆ
– เย็น พยายามเดินให้มาก ลงรถเมล์ก่อนหลายๆป้าย ถึงบ้านก็ทานต้มจืดผักเยอะๆ ไม่ก็สลัดผักน้ำใส ถ้าหิวจริงๆหยิบโยเกิร์ตมาทาน แล้วดื่มน้ำตามมากๆ ไม่มีเล่นดนตรีกลางคืนก็รีบนอน ถ้ามีไปเล่น เล่นเสร็จดื่มนมสักกล่องพอกันหิว แล้วรีบกลับบ้านนอน
น้ำหนักของผมจาก 93 ลดลงมาภายใน 5เดือน เฉลิ่ยเดือนละ 5 กิโลอย่างรวดเร็ว เหลืออยู่ที่ 68-70 กิโล คงน้ำหนักนี้อยู่ปีกว่า ตอนนั้นเรื่อยๆไม่ได้อยากลดอะไรเท่าไรแล้ว แต่แล้วก็ตัดสินใจลดอีกรอบคราวนี้ลงช้ากว่าเดิมมากๆ ใช้วิธีเดิมเลย ลดลงมาเหลือ 64-65 กิโล ภายใน 4เดือน แล้วก็ค้างน้ำหนักนี้อยู่เกือบ 2ปี รู้สึกโอเคกับน้ำหนักนี้เพราะอยู่ในค่า BMI แบบที่ร่างกายผมควรจะเป็นแล้ว
จนล่าสุดผมเริ่มอยากจะจริงจังกับการออกกำลังกาย อยากหุ่นดีขึ้น อยากไม่มีพุง อยากสุขภาพดีขึ้น ประจวบเหมาะกับผมรับราชการทหารด้วย เลยอยากแข็ง และแรงขึ้น อิอิ ผมเลยตัดสินใจ ออกกำลังกาย ร่วมกับการบอดี้เวทไปด้วย
ตารางการทานอาหาร (จันทร์-ศุกร์) **วันเสาร์ อาทิตย์ไปหาอะไรอร่อยๆทานดีกว่า
– เช้า ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารคลีน ข้าวกล้อง 2ทัพพี กับข้าวเป็นพวกอกไก่ย่าง ปลาย่าง ปรุงรสมากสุดแค่พริกไทยกับเกลือนิดหน่อย ทานคู่กับผักสด ไข่ต้มสัก 1-2ฟอง นมสดรสจืดไขมัน 0% แต่ผมชอบที่จะดื่มนมถั่วเหลืองไม่ผสมน้ำตาลมากกว่า ถ้าผมไม่ทานข้าวก็จะเป็นแซนวิชขนมปังโฮลวิต สอดใส้เป็นทูน่าสเต็กในเกลือ เอามาคลุกกับข้าวโพด ถั่วลันเตา แครอท (ผัก3สีแช่แข็ง) แล้วก็ไข่ต้ม 2ฟอง
– กลางวัน ผมทำงานจะหาอาหารคลีนๆได้ลำบาก บางวันห่อไปเองก็ดีไป บางวันไม่ได้ห่อก็ ข้าวกล้อง(ข้าวขาวก็ได้)กับน้ำพริก ไข่ต้ม ไม่ก็ข้าวทานคู่กับพวกส้มตำไก่ย่าง สุกี้ไก่น้ำ หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ก็อาหารตามสั่งปกติก็ได้ครับ ตบท้ายด้วยนมสักกล่อง (ผมชอบนมดื่มถั่วเหลืองมากกว่า)
– เย็น มื้อเย็นผมจะไม่ค่อยซีเรียสเท่ากับตอนลดแรกๆแล้ว จะทานเหมือนมื้อเช้าก็ได้ หรือทานพวกแกงส้ม ต้มยำอะไรแบบนี้ก็ได้ครับ แต่ถ้าวันไหนจะออกกำลังกายจะทานแซนวิชกับนมรองท้องก่อนออกกำลังกาย
ตารางการออกกำลังกายของผมแบบปกติทำทุกวัน (ยกเว้นเสาร์ อาทิตย์ เป็นวันพักผ่อน กับหาของกินครับ)
– ดันพื้น(วิดพื้น) 15ครั้ง/set ทำทั้งหมด 5 set บางวันอาจจะรวดเดียว 30-35ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน
– ลุกนั่ง(sit up) 25ครั้ง/set ทำทั้งหมด 5 set
– ย่อยืด 50-60ครั้ง/ set ทำ 3 set
– กระโดดตบ 200ครั้ง เช้า เย็น
** บางวันถ้าว่างๆก็จะวิ่งตอนเช้า หรือไม่ก็ตอนเย็น 5-6กิโลเมตร บางวันลองจับเวลาเล่นดูก็มีครับ
ทำแบบนี้ภายใน 3-4เดือน น้ำหนักผมเหลืออยู่ที่ 59-61 กิโล แต่สิ่งที่ได้มารู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ฟิตขึ้น ตอนนี้ใส่เสื้อ size S, M จากคนเคยใส่กางเกงเอว 40นิ้ว เหลือเอว 28 แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ เหลือแค่ตอนนี้อยากเล่นอก กับไหล่เพิ่ม ลดขา ลดFat อีกหน่อย อยากหุ่นนายแบบกับเขาบ้าง
ทุกวันนี้ผมก็ยังรักในการกินเหมือนเดิม อะไรที่เขาว่าอร่อยผมก็ตามไปชิมจนได้ซินะ(โดยเฉพาะปิ้งย่าง ชาบู) แต่สิ่งที่ผมเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองจากเมื่อก่อนก็คือ การทานแต่พอดี เมื่อรู้สึกอิ่มก็พอ(ไม่ใช่จุกถึงพอ) งดน้ำหวาน น้ำอัดลม แต่ก็อาจจะมีบ้างเวลาเพลียๆหรืออยากจัดๆ แอลกอฮอลผมก็มีบ้างตามประสา ต้องเตือนตัวเองตลอดว่า เหล้าเบียร์มันคือ Fat ล้วนๆเลยอย่าดื่มมาก ไม่งั้นน้องไขถามหาแน่นนอน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทดแทนการกินที่บ้าคลั่งของผม
ขอบคุณที่ติดตามชม ตามอ่านจนจบนะครับ ผมแค่พอได้ ไม่ประสาครับผม…อยากเป็นกำลังใจให้คนที่มีฝันทุกๆคน และอยากให้ทุกคนหันมาดูแลตัวเอง ใส่ใจสุขภาพกันเยอะๆนะครับ เราจะได้มีเวลาอยู่ดูแลคนที่เรารัก และทำในสิ่งที่เรารักไปนานๆ