ตั้งแต่ปี 1985 จำนวนของสายการบินได้เพิ่มขึ้นจาก 300 เป็น 2,477 สายการบินที่ใช้งานอยู่ในขณะนี้ ปัจจุบันสายการบินไม่เพียงแค่ให้บริการบินตรงแต่มีการหยุดพัก (stop) ในสนามบินประเทศอื่นๆด้วย จึงทำให้เราได้มีโอกาสซื้อตั๋วจากที่ที่เครื่องบินแวะหยุดพักไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้าย บวกกับการใช้งานอย่างแพร่หลายของ อินเทอร์เน็ต ทำให้การจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนของสายการบินที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เรามีตัวเลือกมากขึ้น แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราได้เห็นตัวเลือกทั้งหมดแล้วและสามารถเลือกตั๋วที่ราคาถูกที่สุดได้จริง? เรามีคำตอบให้คุณในบทความนี้ค่ะ
OTA และ เครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูล (Meta Search Engine) คืออะไร และสำคัญยังไง?
OTA (Online Travel Agency) เป็นบริการออนไลน์ที่ขายตั๋วเครื่องบินและบริการท่องเที่ยวอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต OTAs ขายตั๋วแบบเดียวกันกับสายการบินทุกอย่าง เพียงแต่ OTAs ซื้อตั๋วมาจากผู้ค้าส่งหรือที่เรียกกันว่า wholesaler ทำให้ OTAs สามารถขายตั๋วได้ในราคาที่ถูกว่าสายการบิน ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อตั๋วผ่าน OTAs หรือซื้อกับสายการบินโดยตรง ในขณะที่มีมากกว่าร้อย OTAs ใน โลก พวกเขาให้บริการในแบบเดียวกันแต่ให้ราคาที่แตกต่างกัน ทำให้การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น และเนื่องจากการแข่งขันที่มากขึ้น ตัวเลือกมากขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องมีเครื่องมือค้นหาตัวเครื่องบินผ่านเว็บไซต์ของ OTAs และสายการบินเหล่านี้ เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าเราได้ทราบถึงตัวเลือกทั้งหมดและราคาที่ถูกที่สุดแล้ว และเครื่องมือนั้นเรียกว่า เครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูล (Meta Search Engine) ตัวอย่างของ Meta Search Engine เช่น เว็บไซต์ jetradar.co.th เป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินและ OTAs ทำให้การค้นหาตั๋วราคาถูกเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากผลการค้นหาจะเรียงลำดับจากราคาที่ถูกที่สุดไปหาราคาที่แพงกว่า
ตั๋วที่ซื้อจากสายการบินโดยตรงถูกกว่าเสมอจริงหรือ?
จากจุดเริ่มต้นของการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ มีเพียงสายการบินเท่านั้นที่ขายตั๋ว แต่หลังจากมี OTAs เกิดขึ้นและเริ่มเป็นที่รู้จักกันดี ไม่เพียงแต่สายการบินจะมีคู่แข่งเพื่มขึ้นแล้ว ในบางครั้งสายการบินยังไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับ OTAs ได้อีกด้วย แล้วเราจะทำยังไงล่ะ ถึงจะแน่ใจว่าเราจะได้ตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกที่สุดจริงๆ JetRadar มีเคล็ดลับดีๆมาบอกค่ะ
JetRadar ได้เก็บสถิติจากการซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ของ JetRadar โดยมีจำนวนการซื้อตั๋วเครื่องบินทั้งหมดอยู่ที่ 2.5 ล้านใบสำหรับช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากสถิติแสดงให้เห็นว่าตั๋วที่มีวันเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์จะมีราคาแพงที่สุด ส่วนตั๋วที่ถูกที่สุดจะมีวันที่ออกเดินทางตั้งแต่วันอังคารถึงวันพฤหัสบดี ส่วนเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะซื้อตั๋วเป็นตอนเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็นหลังเลิกงาน เนื่องจากช่วงเวลาทำงาน ทางเอเจนซี่ท่องเที่ยวและสายการบินจะทำการค้นหาข้อมูลเที่ยวบินจำนวนมาก อาจทำให้เที่ยวบินที่ราคาถูกที่สุดไม่ถูกแสดงให้เราเห็น และโดยปกติแล้ว ตั๋วจะราคาถูกที่สุด หากเราจอง 6 เดือนก่อนวันเดินทางค่ะ
ทำไมราคาตั๋วเครื่องบินถึงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง? ที่ราคาขึ้นๆลงๆ นั้นเกี่ยวพันโดยตรงกับความต้องการของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น เราจะแบ่งที่นั่งทั้งหมดบนเครื่องบินออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อให้เข้าใจโดยง่ายนะคะ กลุ่มที่ 1 ถูกปล่อยออกมาขายในราคา A หากมีความต้องการซื้ออยู่ในระดับสูง กลุ่มที่ 2 ที่ถูกปล่อยออกมาขายจะมีราคาสูงขึ้น แต่ถ้าหากความต้องการซื้อน้อยลงมากเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น กลุ่มที่ 3 ที่จะถูกปล่อยออกมาขาย จะมีราคาถูกกว่ากลุ่มที่ 2 อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงเวลา เช่นช่วงปีใหม่ ราคาจะยิ่งแพงขึ้น หากไม่จองตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากความต้องการซื้อตั๋วมีมาก แต่ถ้าหากจุดหมายปลายทางที่เราจะไปไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก โอกาสที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นนั้นมีน้อยมาก
การซื้อตั๋วโปรโมชั่นก็เป็นอีกทางที่ทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก แต่ส่วนใหญ่แล้วตั๋วโปรโมชั่นมักจะไม่ยืดหยุ่น เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนวันเวลาได้ หรือถ้าเปลี่ยนได้ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน ซึ่งถ้าเกิดเรามีการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางขึ้นมา เราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมากกว่าการซื้อตั๋วใหม่เลยก็ได้ วิธีนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีการเดินทางที่แน่นอนแล้ว
วิธีนี้อาจไม่สะดวก เนื่องจากคุณต้องต่อเที่ยวบินเพื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่มันก็ทำให้คุณได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่าการบินตรงโดยไม่ต้องต่อเที่ยวบิน อาจถูกกว่ามากถึง 50% กันเลยทีเดียว เพียงแค่มีการเชื่อมต่อเที่ยวบินอย่างน้อย 1 เที่ยวขึ้นไป
เดี๋ยวนี้เรามีเครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน หรือที่เรียกกันว่า flight meta search engine ซึ่งจะทำให้คุณสามารถค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินได้ เพียงแค่ใช้เครื่องมือนี้ ตั๋วเครื่องบินทั้งหมดรวมถึงตั๋วเครื่องบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost airlines) เช่น นกแอร์, แอร์เอเชีย, โอเรียลท์ไทยและไลอ้อนแอร์ จะถูกรวบรวมให้คุณไว้ในที่เดียว คุณไม่ต้องนั่งเปิดหลายๆเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบราคาอีกต่อไป เพียงแค่คุณเข้าไปที่เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน แล้วใส่ข้อมูลการเดินทางของคุณ จากนั้นระบบจะทำการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินให้คุณเอง โดยรวมตั๋วเครื่องบินทั้งหมด รวมถึงโปรโมชั่นตั๋วจากสายการบินและเอเจนซีต่างๆ จากนั้นคุณแค่เลือกเที่ยวบินที่คุณต้องการและจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน (flight meta search engine) นี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วและคุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ตั๋วราคาที่ถูกที่สุดจากสายการบินและเอเจนซี่ต่างๆ
ตัวอย่างเช่น
เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับจากกรุงเทพฯ ไป ลอนดอน (1 คน, ชั้นประหยัด)
จากผลการค้นหาของ JetRadar ยังมีตัวเลือกอื่นๆอีกมากมาย ในรูปเราเพียงแค่แสดงบางส่วนให้คุณเห็นเท่านั้น เพื่อที่เราจะเปรียบเทียบราคาของเรากับสายการบินโดยตรง ตัวอย่างเช่น เราจะเปรียบเทียบราคาตั๋วของเรากับแอโรฟลอตซึ่งมีราคา $ 819.50 = 26,676.43 * จะเห็นได้ว่า ตั๋วของเราราคาถูกกว่าแอโรฟลอต 77.43 (26,676.43 – 26,599) บาท
* 1 USD = 32.5520833
ตัวอย่างและวีธีการใช้เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน
JetRadar มีให้เลือกทั้งเที่ยวเดียว, ไป-กลับ, และเดินทางหลายเมือง เพียงแค่เราใส่ข้อมูลต้นทาง ปลายทาง วันที่เดินทาง จำนวนผู้โดยสาร ชั้นโดยสาร และคลิกค้นหา
เพียงแค่นี้ JetRadar ก็จะค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วให้คุณ
JetRadar นำตัวเลือกทั้งหมดมาให้คุณ เรามีฟิวเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือในการกรองตั๋วให้คุณ เพื่อให้คุณได้ตั๋วตามที่คุณต้องการ คุณสามารถเลือกเวลาเดินทาง เลือกสายการบินหรือทราเวลเอเจนซี่ที่คุณชื่นชอบ เลือกว่าจะต่อเที่ยวบินหรือไม่ หลังจากที่คุณปรับฟิวเตอร์ตามที่คุณต้องการแล้ว ทีนี้คุณก็สามารถจองเที่ยวบินที่คุณต้องการเองได้ เพียงแค่คลิกปุ่ม “จองเดี๋ยวนี้” จากนั้น JetRadar จะนำคุณไปสู่เว็บไซต์สายการบินหรือทราเวลเอเจนซีโดยตรงเพื่อให้คุณทำการจองตั๋ว เพียงแค่นี้ คุณก็จะได้ตั๋วตามที่คุณต้องการแล้วค่ะ การเดินทางของคุณกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน JetRadar ยังมีการให้บริการบนมือถืออีกด้วย สามารถดาวน์โหลดแอพได้ที่ iOSAndroid
ตัวอย่างและวีธีการใช้แอพเครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน
JetRadar มีให้เลือกทั้งเที่ยวเดียว, ไป-กลับ, และเดินทางหลายเมือง เพียงแค่เราใส่ข้อมูลต้นทาง ปลายทาง วันที่เดินทาง จำนวนผู้โดยสาร ชั้นโดยสาร และคลิกค้นหา
เพียงแค่นี้ JetRadar ก็จะค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วให้คุณ
ทุกคนคงทราบแล้วว่าไม่เพียงแค่สายการบินที่จะขายตั๋วเครื่องบินได้ แต่ยังมีออนไลน์ทราเวลเอเจนซี (OTAs) ก็สามารถขายตั๋วได้เช่นกัน และในหลายๆครั้งที่ OTAs ราคาถูกกว่า และเนื่องจากตัวเลือกที่มากขึ้น เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินอย่าง JetRadar จึงมีความจำเป็นที่จะช่วยในการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน เพื่อให้คุณได้ทราบถึงตัวเลือกทั้งหมด และตัดสินใจเลือกเที่ยวบินที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเองได้
JetRadar ไม่ได้ขายตั๋วเอง JetRadar เพียงแค่ให้บริการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน JetRadar ไม่ได้ติดตามหรือเก็บข้อมูลของคุณ และก็ไม่มีการคิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าราคาของตั๋วที่คุณเห็นในหน้าเว็บไซต์หรือแอพของ JetRadar นั้น JetRadar ไม่ได้มีการบวกเพิ่มราคาแต่อย่างใด ตอนนี้คุณอาจจะสงสัยว่าแล้ว JetRadar จะได้รายได้อย่างไร? JetRadar จะได้รับรายได้จากการจองตั๋วของคุณ โดยผู้ที่จ่ายให้กับ JetRadar คือสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีเท่านั้น JetRadar ไม่ได้คิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการ เพราะฉะนั้น คุณมั่นใจได้ว่าราคาตั๋วที่คุณเห็นเป็นราคาตั๋วที่ทางสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีชาร์จ JetRadar ไม่ได้บวกเพิ่มอย่างแน่นอนค่ะ รู้อย่างนี้แล้ว มาลองใช้ JetRadar กันดีกว่าค่ะ เพื่อประหยัดเวลาและเงินในการค้นหา เปรียบเทียบ และจองตั๋วเครื่องบินค่ะ
เริ่มต้นค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินกันเลย!