บางคนก็บำรุงด้วยเครื่องสำอาง อาหารเสริม บางคนเลือกการทำศัลยกรรม นอกเหนือจากนี้ ยังมีนวัตกรรมเกี่ยวกับความงามเพิ่มขึ้นมากมาย เช่น เทคนิคที่ใช้ฉีดสารต่างๆ เข้าใต้ผิวหนังโดยตรง ในปริมาณน้อยๆ ทำซ้ำหลายครั้ง (Mesotherapy) การฉีดคอลลาเจน และการฉีด Botox
Botox เป็นชื่อทางการค้าของตัวยาชนิดหนึ่ง คือ Botulinum toxin ซึ่งเป็นโปรตีนนสกัดบริสุทธิ์ ได้มาจากแบคทีเรียที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Botulinum clostridium นำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หลายประการ รวมถึงการเสริมความงาม นั่นก็คือ การใช้ลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ตามที่กล่าวข้างต้นว่า Botox เป็นยา เพราะต้องกระทำโดยผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีเกี่ยวกับตัวยา ผลขางเคียงและเทคนิคในการบริหารยา ซึ่งในที่นี้กระทำได้โดยการฉีดเท่านั้น นั่นหมายถึง จะต้องทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะเท่านั้น แต่ไม่ได้จำกัดเฉพาะแพทย์ศัลยกรรมพลาสติก
โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยไปยับยั้งการปลดปล่อยตัวสื่อสารจากที่ปลายของเซลล์ประสาท เพื่อสั่งงานไปยังกล้ามเนื้อ เมื้อกล้ามเนื้อไม่ได้รับการสั่งการให้ทำงาน กล้ามเนื้ออจึงไม่สามารถทำงาน ได้ชั่วคราว คือเป็นอัมพาตหรืออ่อนแรงชั่วคราวนั่นเองค่ะ และสารทอกซินนี้ จะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ เมื่อนำมาฉีดเข้าที่ ใบหน้า รอยย่นบนผิวหน้าอันเกิดจากกล้ามเนื้อหดตัวซ้ำบอยๆ ก็จะจางลง เป็นผลมาจากกล้ามเนื้อมัดนั้นเกิดการคลายตัวนั่นเอง
ข้อดีของโบท็อกซ์
ช่วยแก้ไขลักษณะริ้วรอยระหว่างคิ้วที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ corrugator และ procerus ที่มีความรุนแรงปานกลางถึงมาก ให้ดูดีขึ้นได้ชั่วคราว สามารถลดริ้วรอยที่เป็นปัญหามาจากการใช้กล้ามเนื้อ ได้แก่ ผู้ที่ขวมดคิ้วบ่อยๆ ซึ่งริ้วรอยดังกล่าวนี้จะพบได้แม้ในผู้ที่มีอายุน้อย ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป จนถึง 65 ปี ส่วนข้อบ่งใช้ในทางการแพทย์ด้านอื่นที่ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว เช่นกัน ได้แก่
นอกจากนี้ การฉีดท็อกซินชนิดนี้ ยังใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น การลดรวรอยรอบปากบนและล่าง , มมปาก , ร่องแก้ม คาง คอ การปรับแต่งรูปปีกจมูก ซึ่งแต่ละคนก็จะมีผลตอบสนองต่อยาแตกต่างกันไป ปริมาณยาที่ใช้ในแต่ละคน และในแต่ละบริเวณที่ฉีด จึงแตกต่างกัน และสงผลต่อค่าใช้จ่ายให้แตกต่างกันไปด้วย
ข้อเสียของโบท็อกซ์
ในบางเคสอาจเกิดอาการระคายเคืองในบริเวณที่ฉีดได้ โดยอาจเกิดเป็นตุ่มแดงขึ้นนานประมาณ 2 ชั่วโมงจึงหายไป หรือจุดช้ำแดงตรงที่ฉีด ซึ่งจะหายได้เองภายใน 1-7 วัน ส่วนอาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป เช่น ปวดศีรษะ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ความรู้สึกเหมือนว่าเป็นหวัด หนังตาตก และมีผลข้างเคียงที่พบได้น้อยกว่า 3% เช่น ปวดใบหน้า แดงตรงบริเวณที่ฉีด อาการกลามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งอาการเหล่านี้ จะเป็นแบบชั่วคราวและหายได้เอง นอกจากนี้ ยังมีผลข้างเคียงที่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความชำนาญของแพทย์ จึงควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากๆ
อย่างไรก็ตาม การฉีด 1 ครั้งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 4,500 ถึง 12,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับการฉีดลดรวรอยระหว่างคิ้ว จะอยู่ที่ประมาณ 4,500 ถึง 6,000 บาท และจากการที่ผลของการฉีดนั้นไม่ถาวร จึงต้องมีการฉีดซ้ำ สำหรบความถี่จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย
……………………………………….
และผลของการฉีดนั้นไม่ถาวร ก็จะต้องมาเติมซ้ำอยู่เรื่อยๆ สำหรับความถี่จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง หลังการฉีดของแต่ละคนด้วย โดยทั่วไปแล้ว ผลของการฉีดจะอยู่ได้ประมาณ 120 วันขึ้นไป และแนะนำว่าไม่ควรฉีดบ่อยเกินกว่า 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง โดยแต่ละครั้งให้ฉีดในปริมาณที่น้อยที่สุด เท่าที่จะเห็นผลได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดก็ต้องพิจารณาให้รอบด้านว่ามันตอบโจทย์แก้ไขมันหาที่เราต้องการ คุ้มค่าที่จะจ่ายเงินหรือไม่
เนื้อหาโดย Dodeden.com