“ภาพที่สร้างอาจจะรบกวนสายตาใคร ๆ ไม่หิวไลท์ ไม่หิวแชร์ ไม่จำเป็น แต่แค่อยากให้ผ่านตาและคิดไว้ หรือแอบเป็นแรงบันดาลใจให้รักคนในครอบครัว ก็พอ !!”
นี่คือหนึ่งในข้อความที่ได้รับความสนใจของชาวโซเชียลมีเดียอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะกลุ่มชาวสีม่วง ซึ่งนายกมล สุขแพทย์ วัย 32 ปี หรือที่รู้จักกันของวงการเพศทางเลือกว่า “เบิร์ด อาร์ยูโชว์” นางโชว์ร่างท้วม ที่ระยะหลังผันตัวมาเป็นพิธีกรประกบคู่ขวัญ “เพลินพิศ คิดถึงคุณ” พิธีกรชื่อดังฝีปากจัดจ้านที่เป็นผู้ปลุกปั้นเบิร์ดเข้าสู่วงการ ในรายการทีวี และงานประกวด
ส่วนใหญ่จะเป็นการประกวด “สาวประเภทสอง” ในการประกวดรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ความสวย,นางแบบ และ นางงามหุ่นจัมโบ้
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายข้อความที่แสดงให้เห็นถึง “ความรักและความกตัญญู” จากลูกที่มีต่อแม่ซึ่งกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย ซึ่งได้รับความเห็นใจ ความชื่นชม และการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จากความสนิทและชาวเฟสบุ๊ค
นายกมล เล่าว่า ตนเองเป็นชาวจังหวัดชลบุรี แม่ (นางนิ่ม สุขแพทย์) ทำงานแม่บ้าน ส่วนพ่อไม่เคยได้เจอหน้าเลย พอเข้ามาใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้ทำงานก็ได้รับแม่มาอยู่ด้วยที่ย่านลำสาลีเมื่อกว่า 15 ปีแล้ว ให้แม่พักผ่อนอยู่กับบ้าน เพราะอายุเยอะแล้ว เบิร์ดบอกแม่ว่า จะขอทำงานเลี้ยงแม่ แม่เหนื่อยมาเยอะแล้ว
กระทั่งเมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา แม่รู้สึกหลังตึง ๆ เดินไม่ค่อยสะดวก นั่งไม่ค่อยถนัด ปวดแปล๊บ ๆ แล้วยังปัสสาวะเป็นเลือด เบิร์ดคิดเอาเองว่า แม่คงเป็นกระดูกทับเส้นประสาท ตามประสาคนสูงวัย เพราะตอนนี้แม่อายุ 67 ปีแล้ว
จากนั้นจึงพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง หมอวินิจฉัยอาการในเบื้องต้นว่า เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก ผลจากการไปตรวจ 3 ครั้ง ทั้งตรวจเลือด ทั้ง ซีที สแกน (CT SCAN) มองเห็นกระดูกมีร่องรอยสีดำ หมอก็ยังวินิจฉัยเหมือนเดิมว่า เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก พร้อมกับพูดเป็นความนัยว่า “เราคือความหวังสุดท้ายของเค้า”
เบิร์ด เล่าต่อว่า เมื่อแม่กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยกินยาที่หมอให้มา อาการไม่ดีขึ้น แม่มีอาการปวดหลังปวดไปทั้งตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคยเดินได้ หันมาใช้ไม้เท้า 1 ขา มาพยุงตัว แล้วเดินไม่ไหวเพิ่มเป็น 3 ขา กระทั่งมา 4 ขา สุดท้ายเดินไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน เจ็บไปหมด พี่ ๆ ที่รู้จักกันทราบข่าวเลยซื้อรถเข็นมาให้ ก็แทบไม่ได้ใช้ เพราะแม่นอนตลอด
“มีคนแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เก่งเรื่องรักษาโรคกระดูก รู้ว่าแพง แต่ก็ต้องตัดสินใจไป รวบรวมเงินได้ 70,000 บาท วันที่ 19 กรกฎาคม (2559) ถือว่าเป็นวันที่ช็อคความรู้สึกมากที่สุดในชีวิต เพราะคราวนี้หมอตรวจเจอ
นอกจากความผิดปกติที่กระดูกสันหลังข้อที่ 5 ยุบแล้ว ยังตรวจพบความผิดปกติที่กระดูกเชิงกราน แล้วยังพบก้อนเนื้อที่ปากมดลูก ผลสรุปคือ แม่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 4 คือ ระยะสุดท้าย ก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก แต่ก็เก็บอาการด้วยความเข้มแข็ง เพราะไม่อยากให้แม่เสียกำลังใจ แม่ไม่มีใครแล้วนอกจากเรา”
ด้วยเหตุที่การรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก คงไม่มีกำลังทรัพย์พอ เบิร์ดจึงหันหน้าปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น แล้วขอใช้บัตรทองของแม่ ซึ่งหมอบอกว่า มีที่ไหนต้องไปใช้ที่นั้น แม่ต้องไปรักษาตัวที่ชลบุรีบ้านเกิด
เบิร์ดจึงคิดว่าไม่สะดวกไป ๆ มา ๆ เพราะมีกันแค่ 2 คน อีกทั้งต้องรับงานในกรุงเทพฯ หารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายรักษาแม่ด้วย สุดท้ายหมอจึงแนะนำให้ไปรักษาตัวที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
“เบิร์ดจึงหอบจดหมายส่งตัวและ เอกสารจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นไปที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เมื่อทีซีสแกน อีกครั้ง ผลปรากฏว่า เชื้อมะเร็งได้กระจายไปทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น โพรงปากมดลูก มดลูก ตับ ไต ลำไส้ ปอด ต่อมไธรอยด์ หมอบอกให้คีโม ก็ไม่ได้ผลแล้ว หากฉายรังสีก็คงไม่ได้ทุกจุด
สุดท้ายมีคนแนะนำอีกว่าให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกแห่งที่เชี่ยวชาญในการรักษาตัวโรคมะเร็ง มารักษาตัวได้พักหนึ่ง อาการทรง ๆ ทรุด ๆ อีกทั้งหมอบอกว่า คงแค่รักษาอาการไม่ให้เจ็บปวดไปมากกว่า จึงตัดสินใจขอหมอพาแม่กลับมารักษาตัวที่บ้าน หมอจึงให้ยามาพร้อมกับมอร์ฟีนสด ที่ใช้แปะบริเวณที่แม่ปวด แปะครั้งละ 5 แผ่น โดย 3 วันเปลี่ยนครั้งหนึ่ง ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดได้เยอะเลย จากที่ก่อนหน้านั้นแม่จะปวดมากจนต้องร้องโอย ๆ ”
อัพเดตอาการถึงวันนี้ เบิร์ดเล่าว่า อาการปวดไม่ค่อยมี เพราะได้มอร์ฟีนสด แต่ความจำของแม่จะสลับไปมา บางวันก็ไม่พูดอะไรเอาแต่นอน บางวันจะพูดไปเรื่อย ๆ บางครั้งจะบอกว่า อยากกินอะไร เช่น ขนมครก,ก๋วยเตี๋ยว,ผลไม้,เผือกบวด ก็จะรีบไปหาซื้อมาให้กิน แต่มาระยะหลังจะกลืนอาหารลำบากมาก แม้แต่กินยา จึงต้องหาวิธีบด
“ถึงวันนี้เบิร์ดพอจะทำใจได้แล้วล่ะ เพราะรู้แล้วว่าอย่างไรแม่ก็ไม่มีวันหาย แม่ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้แล้ว รักษาไปตามอาการในแต่ละวัน ที่ต้องระวังคือแผลกดทับ คงได้แต่นับถอยหลังลงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เบิร์ดทำได้ดีที่สุดคือ การดูแลแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
บางครั้งก็แวบไปรับงาน โดยเฉพาะในช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ โดยได้เตรียมอะไรไว้ให้แม่หมด แล้วก็จะรีบกลับมา เพราะไม่มีใครดูแล อยู่กันเพียงแค่สองคนแม่ลูก พูดตรง ๆ ว่า สิ่งที่ช่วยเบิร์ดได้สบายใจคือ มีโอกาสได้ระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจผ่านโซเชียล ทั้งเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ไลฟ์สด ก็ว่ากันไปตามประสา
ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้ตั้งจะเรียกร้องอะไร แต่ก็ได้รับความเป็นห่วงและความมีน้ำใจจาก พี่ เพื่อน น้อง เป็นจำนวนมาก เบิร์ดรู้สึกตื้นใจมากและรู้ว่าตอนนี้เบิร์ดไม่ได้อยู่กับแม่เพียงลำพังเท่านั้น หากแต่ได้อยู่กับกำลังใจจากทุก ๆ คน ขอกราบขอบพระคุณมากนะครับ”
อย่างไรก็ตามได้มีเพื่อน พี่ น้อง รวมทั้งชาวโซเชียล ที่ทราบข่าว ต่างได้ให้กำลังใจลูกกตัญญูและต่างหลั่งไหลน้ำใจมาช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องทุนทรัพย์ มีการช่วยกันจัดการให้ผู้มีจิตกุศลช่วยโอนเงินเข้าบัญชีของเบิร์ด ล่าสุดแว่วมา เร็ว ๆ นี้ จะมีการจัดงานเพื่อหารายได้มาช่วยเหลือครอบครัวของเบิร์ดอีกด้วย
ขอขอบคุณพันธมิตรสื่อ เว็บไซต์บางกอกทูเดย์
