จากกรณีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เล่าเหตุการณ์ที่ได้ประสบกับตัวเองที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา
ใจความว่า “มาส่งเพื่อนที่สนามบิน เจอโรคจิตถ่ายก้นภรรยาเพื่อน หัวเราะคิคคัก พอผมเห็นก็ถ่ายหน้ามัน เดินเข้าไปสั่งมันให้ลบ แจ้งพนักงาน แต่ดันโดนบอกกลับมาว่า “เค้าเป็นนักการเมือง” ของประเทศเพื่อนบ้าน ประมาณว่าอย่าไปหาเรื่อง อ้าว! เดือดเลือดพล่านเลย คืออะไร เป็นนักการเมืองชาติไหนก็ทำอะไรต่ำๆ ไม่ได้นะครับ บอกให้เรียกตำรวจ ไม่ใช่มาเข้าข้างคนผิดที่คุณยกขึ้นหิ้ง ว่าเป็นนักการเมือง ไร้สาระ ลองมาถ่ายก้นญาติพี่น้องคุณดูดิ คุณมันบ้าไปแล้ วแทนที่จะปกป้องผู้หญิงด้วยกัน ดันมาต่อว่าคนถูกกระทำ แล้วเข้าข้างคนผิด ที่คุณเห็นว่า “มัน” เป็น “นักการเมือง” พอตำรวจมาบอกว่า “นักการเมืองอะไรไม่สน นี่มันเมืองไทย” คุณเยี่ยมมาก รีบมาปกป้องผู้หญิง เข้ายึดพาสปอร์ตโรคจิต เสียดายเพื่อนผมต้องรีบขึ้นเครื่องไม่งั้นถึงไหนถึงกัน” จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้เข้าชม และมีการส่งต่อข้อความและภาพอย่างแพร่หลายนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เม.ย. เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าว ผู้เสียหายน่าจะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นชาวต่างชาติ และเมื่อติดต่อไปยัง กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) พ.ต.ต.ก่อเกียรติ วุฒิจำนง สว.กก.6 บก.ทท. เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่พบการลงบันทึกแจ้งความ คาดว่าเจ้าหน้าที่ที่ผู้เสียหายและเพื่อนได้พูดคุยอาจเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ตรวจการ ซึ่งเป็นพนักงานของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่แต่งกายคล้ายตำรวจเท่านั้น ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง และสามารถพิสูจน์ได้ว่า มีการถ่ายภาพ หรือคลิปของผู้อื่น โดยมีหลักฐานในกล้องชัดเจน และมีผู้เสียหายยืนยัน ผู้กระทำจะมีความผิดฐานก่อให้เกิดความอับอาย เดือดร้อนรำคาญ ตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นบุคคลต่างชาติ จะต้องถูกยึดพาสปอร์ต และรายงานความผิดไปยังสถานทูตด้วย
ด้าน นางสาวฐิติพรญ์ เศรษฐลักษณ์ ผู้อำนวยการส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายกิจกรรมพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุน่าจะแยกย้ายกันไป โดยไม่มีการแจ้งความเอาผิด ทั้งนี้ ในส่วนของการท่าฯ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่น นอกเหนือจากการตรวจค้นผู้โดยสาร ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตราอยู่ตลอดเวลา หากผู้โดยสาร หรือผู้เข้ามาใช้บริการภายในการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพบเห็นสิ่งผิดปกติ สามารถขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยที่อยู่ตามจุดแจ้งเหตุ หรือแจ้งที่เบอร์ 02-132-4000 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 1 หรือตำรวจท่องเที่ยว ชั้น 2 ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่หญิงที่ปรากฎในภาพ ได้รับการแจ้งว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง หรืออาจจะเป็นหญิงแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ก็เป็นได้