มหาวิทยาลัยมิชิแกนลงมือขุดซากแมมมอธกลางทุ่ง พบร่องรอยมนุษย์ชำแหละเอาเนื้อ คาดผลวิจัยช่วยคลี่คลายปริศนาที่ว่า มนุษย์เคลื่อนย้ายถึงทวีปอเมริกาเมื่อใด
ตอนที่เจมส์ บริสเทิล กับเพื่อน กำลังขุดดินเพื่อวางท่อแก๊สในที่ดินที่เพิ่งซื้อ ทั้งสองเจอวัตถุบางอย่าง ตอนแรกนึกว่าเป็นเสารั้วเก่าๆจมอยู่ในโคลน แต่นักโบราณคดีบอกว่า มันคือกระดูกเชิงกรานของแมมมอธ ซึ่งเคยมีชีวิตเมื่อ 15,000 ปีก่อน
ทีมนักโบราณคดีของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ขุดโครงกระดูกของเจ้าแมมมอธตัวนี้ ที่เมืองลิมา คืบหน้าแล้วประมาณ 20% เจอกะโหลกกับงาคู่ พร้อมกับชิ้นกระดูกสันหลัง ซี่โครง และกระดูกสะบักทั้งสองข้าง
แดเนียล ฟิสเชอร์ หัวหน้าทีมขุดสำรวจ บอกว่า พบร่องรอยบ่งบอกว่ามนุษย์ได้ชำแหละเอาเนื้อของแมมมอธ ก้อนหินขนาดบาสเกตบอล 3 ก้อนที่พบอยู่กับซาก อาจถูกใช้กดตรึงซากในหนองน้ำ
ทวีปอเมริกาเหนือเคยมีแมมมอธ และมาสโทดอน หรือช้างโบราณ อยู่ทั่วไป พวกมันสูญพันธุ์เมื่อราว 11,700 ปีก่อน ในมลรัฐมิชิแกนเคยพบซากแมมมอธ 30 ตัว กับมาสโทดอน 300 ตัว แต่ตัวที่พบในไร่ของบริสเทิลนับว่ามีสภาพสมบูรณ์ที่สุด
ฟิสเชอร์ บอกว่า นักวิจัยของมหาวิทยาลัยจะนำชิ้นกระดูกเหล่านี้ไปทำความสะอาดและศึกษารอยตัดรอยเฉือน ผลการศึกษาอาจสร้างความกระจ่างต่อข้อถกเถียงที่ว่า มนุษย์ย้ายถิ่นไปถึงทวีปอเมริกาตั้งแต่เมื่อใดกันแน่.