หมวดบิน ฉก.ทัพเรือภาค 1 ขึ้นบินสำรวจจุดที่เรือท่องเที่ยวจีนจมห่างฝั่งแหลมฉบัง พบยังมีคราบน้ำมันแพร่กระจายอยู่ในบูม ส่วนการกู้เรือคาดใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือน โดยเจ้าของออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด และถูกดำเนินคดีฐานทำน้ำมันรั่วลงทะเล…
จากเหตุการณ์เรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ชื่อ OCEAN DREAM ของบริษัท JC Marine จอดทอดสมอนาน ทำตัวเรือผุกร่อนจนจมลง บริเวณเกาะนกห่างจากฝั่ง ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ประมาณ 2 กิโลเมตร พบคราบน้ำมันบางส่วนแพร่กระจาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 59 กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 พลเรือโทรังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 ได้สั่งการให้หมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่ 1 นำเฮลิคอปเตอร์ แบบ เบล 212 ขึ้นบินสำรวจจุดเรือ OCEAN DREAM จม ห่างจากฝั่ง ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ประมาณ 2 กิโลเมตร
พบว่า ตัวเรือยังจมอยู่ในสภาพเดิม มีคราบน้ำมันบางๆ แพร่กระจายอยู่ภายในบูมที่กรมเจ้าท่าได้วางไว้รอบตัวเรือ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของคราบน้ำมันเพิ่ม ถึงแม้จะมีบางส่วนหลุดลอดออกมาบ้าง แต่ก็มีปริมาณเพียงเล็กน้อย พร้อมกับนำเรือฉีดพ่นสารเคมีเพื่อกำจัดคราบน้ำมันอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภายในเรือยังคงมีน้ำมันที่หลงเหลือตกค้างอยู่
สำหรับสภาพเรือที่จมในขณะนี้ อยู่ในสภาพกราบเรือด้านซ้ายจมอยู่ใต้ท้องทะเล และโผล่กราบขวาขึ้นมาบนผิวน้ำ เนื่องจากเรือลำดังกล่าวมีความกว้าง 20 เมตร ยาว 163 เมตร น้ำหนัก 16,000 ตัน ส่วนน้ำทะเลบริเวณดังกล่าวมีความลึกประมาณ 12 เมตร ทำให้เรือโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำประมาณครึ่งลำเรือ
ส่วนการกู้เรือนั้นกำลังประสานกับบริษัทเจ้าของเรือในการกู้ซากเรือ คาดว่าน่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน จึงจะสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีอุปกรณ์ในการกู้เรือจมซึ่งมีขนาดใหญ่เช่นเรือลำนี้
ทั้งนี้ การกู้เรือนั้นจะต้องลงไปสำรวจลักษณะของเรือที่จมสู่ใต้ทะเล และวางแผนการกู้อย่างรอบคอบ และหลังจากกู้ซากเรือแล้ว จะต้องนำไปไว้ที่อู่ต่อเรือ บริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด โดยค่าใช้จ่ายนั้นทางเจ้าของเรือจะต้องเป็นผู้จัดการทั้งหมด ส่วนความผิดในเบื้องต้น เจ้าของเรือจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำการใดๆ ทำให้น้ำมันปิโตรเลียมไหลลงสู่ทะเล ในมาตรา 204 และ มาตรา 119