สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อและภาคการส่งออกยังไม่เจริญเติบโตมากนัก สร้างความกังวลใจแก่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในญี่ปุ่นระบุว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดลง 1.3 เปอร์เซนต์ ติดต่อกันเป็นเวลา 13 เดือนซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้น สร้างความแปลกใจให้แก่ตลาด เนื่องจากเบื้องต้นนั้นมีการคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก นับแต่รัฐบาลเพิ่มภาษีขายเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน
ข้อมูลจากกระทรวงระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3 เปอร์เซนต์ ในขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.3 เปอร์เซนต์ ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในรอบ 18 ปี
อัตราเงินเฟ้อล่าสุดนี้ ถือว่าสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.2 เปอร์เซนต์ แต่ยังถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งญี่ปุ่นที่ 2.0 เปอร์เซนต์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายกลุ่มคาดการณ์ว่า ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางจะถูกบังคับให้ขยายโครงการผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อเพิ่มราคาและตอบโต้การชะลอตัวของเศรษฐกิจ
อนึ่ง การกระตุ้นอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องนั้น ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของนายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นที่ต้องการเอาชนะภาวะเงินฝืดและฟื้นฟูการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่าการส่งออกจากโรงงานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซนต์ในเดือนเมษายนทีผ่านมาด้วย
