สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดกระแสถกเถียงดุเดือดขึ้นในสังคมประเทศปารากวัย กรณีเด็กหญิงรายหนึ่ง เผชิญชะตากรรมสลด ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนจนท้อง แต่เด็กหญิงไม่สามารถทำแท้งไว้ จากคำสั่งห้ามของกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าเด็กสามารถคลอดลูกได้อย่างปลอดภัย
รายงานระบุว่า เด็กหญิงดังกล่าวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเบื้องแรกหมอเข้าใจว่าเป็นเธอเป็นเนื้องอก แต่ปรากฎว่าเป็นเพราะเธอตั้งครรภ์ และมีการตรวจสอบพบปรากฎว่า เธอท้องกับพ่อเลี้ยงซึ่งได้ก่อเหตุข่มขืน ก่อนที่มารดาของเด็กจะถูกจับกุมตัวฐานร่วมสมคบคิด ขณะที่พ่อเลี้ยงโฉดได้ก่อเหตุหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพลิกแผ่นดินล่าตัวเขา
ขณะที่คดีนี้กลายเป็นประเด็นอ่อนไหวทางสังคมขึ้น หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขได้ห้ามเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ทำแท้งลูกในครรภ์ของเธอ ทำให้สังคมปารากวัยรุมโต้เถียงอย่างหนักถึงกฎหมายห้ามการทำแท้งของประเทศที่ห้ามในทุกกรณี ยกเว้นเฉพาะเห็นว่าเด็กในครรภ์เป็นอันตรายต่อแม่เด็กจริงๆ
ขณะที่นายอันโตนิโอ บาร์ริออส รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่า เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยว่า รัฐจะไม่ยอมให้เด็กหญิงผู้นี้ทำแท้ง เพราะถือว่าเธอตั้งครรภ์มานานแล้ว หรือเข้าช่วงสัปดาห์ที่ 24 ( 6 เดือน) โดยหากเธอจะได้รับการทำแท้ง ก็จะต้องเป็นช่วงที่เธอท้องก่อนช่วงสัปดาห์ที่ 20 (ราว 5 เดือน) พร้อมทั้งบอกว่า เมื่อปีที่แล้ว ก็มีเด็กสาววัย 14-15 ปี คลอดลูกที่โรงพยาบาล ซึ่งก็ปลอดภัยกันดี นอกจากนี้ ด้านศาลปารากวัยยังได้ปฎิเสธคำร้องของแม่เด็ก ที่ต้องการให้มีการประชุมทีมแพทย์เพื่อประเมินว่าลูกของเธอสมควรได้รับการทำแท้งหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ด้านหน่วยงานนิรโทษกรรมสากลก็ได้ออกมาโจมตี ต่อกรณีโดยออกแผนรณรงค์ชื่อว่า “#NinaEnPeligro” หรือ “เด็กสาวอยู่ในอันตราย” พร้อมทั้งกล่าวหาโจมตีรัฐบาลปารากวัยว่าละเมิดสิทธิมนุษชนขั้นพื้นฐาน ที่บังคับให้เด็กหญิงตั้งครรภ์ให้ครบเกณฑ์ที่จะต้องทำคลอด
ทั้งนี้ รายงานของหน่วยงานยูนิเซฟระบุว่า ในปารากวัยเฉลี่ยแล้วประเมินว่าจะมีเด็กอายุ 10-14ปี ตั้งท้องเฉลี่ย 2 คนต่อวัน กรณีการท้องเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเหยื่อได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม