เป็นผู้หญิงเก่งมากความสามารถ และยังทำความดีให้กับประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งทางโดดเด่นดอทคอมได้ทึ่งในความสามารถของเธอตั้งแต่ที่ได้เจอเธอบนเวทีการประกวด Mr.Gay World Thailand ที่เธออาสามารับหน้าที่พิธีกร ขอบอกเลยว่าการทำหน้าที่ของเธอในวันนั้นทำให้ดีเยี่ยมจนเราประทับใจ อยากจะคว้าตัวเธอมาสัมภาษณ์ถึงมุมมองความคิดเรื่องราวของภาษาที่สาม และกลุ่ม LGBT ว่าเธอจะมีความคิดเห็นอย่างไร และวันนี้เราก็ได้รับเกียรตินั้น ไปทำความรู้จักและรับรู้เรื่องราวดีๆ จากเธอคนนี้กันดีกว่าค่ะ กับ ” ดร ฟ้า ”
อยากให้ช่วยแนะนำประวัติของตัวเองคร่าวๆ ให้ทุกคนได้รู้จักกันหน่อยค่ะ ปัจจุบันทำอะไรอยู่คะ
“สวัสดีค่ะ เรียกดิฉันง่ายๆ ว่า ดร.ฟ้า ก็ได้ค่ะ ตอนนี้ปัจจุบันก็มีหลายหน้าที่ เป็นทั้งล่ามอิสระ เกมนักวิชาการอิสระช่วยระดมทุนเพื่อยุติเอดส์ วัณโรคและมาลาเรีย แล้วทำงานเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่นด้วยค่ะ”
ในวันงานประกวด Mr.Gay World Thailand 2018 ทางเราเห็นว่า ดร. ฟ้ามีการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีมาก อยากให้บอกมุมมองของตัวเองสักหน่อย ว่าภาษาอังกฤษนั้นมีความสำคัญต่อคนไทยในปัจจุบันนี้อย่างไรบ้างคะ?
“ปัจจุบันนี้มีความสำคัญมากที่เราจะต้องใช้ภาษาอังกฤษให้ได้คล่องแคล่ว ถ้าเรามีทักษะทั้ง 4 ทั้งฟังพูดอ่านและเขียน ในระดับดีนั้นก็จะเปิดโอกาสให้เราได้มีความรู้ ความสามารถในการทำงานที่มากไปกว่าสิ่งที่ทำได้อยู่ปัจจุบัน เนื่องจากว่าแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย คนไทยมักจะอ่านภาษาอังกฤษได้ดีพอเข้าใจ แต่พอถึงเวลาการพูดและฟังนั้นมักจะเขินอาย ทำให้สมองปิดกั้นความเข้าใจในการที่จะสื่อสารกับผู้อื่นเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ขาดโอกาสมากมายเลยล่ะค่ะ”
ขอขอบคุณภาพจากทาง Bangkokdesire.com
อยากให้ฝากอะไรถึงน้องๆ วัยเรียนในตอนนี้ เกี่ยวกับในเรื่องของความสำคัญของภาษาต่างประเทศเพื่อใช้ในการสื่อสารสักหน่อยค่ะ
“ปัจจุบันการพูดได้เพียง 2 ภาษาเป็นเรื่องธรรมดา หากเป็นไปได้ควรจะเรียนภาษาที่ 3 และ 4 เพื่อเสริมความเข้าใจและสร้างโอกาสให้ตนเองมากกว่าเดิม ตอนที่ดร.ฟ้าเรียนอยู่ที่อังกฤษนั้นรู้สึกว่าการพูดได้เพียง 2 ภาษากลายเป็นเรื่องด้อย เพราะมีเพื่อนจำนวนมากที่สามารถพูดได้ 3-5 ภาษา หรือบางคนพูดได้ถึง 7 ภาษาอย่างคล่องแคล่ว แต่สิ่งที่สำคัญมากคือการฝึกให้คุ้นเคยกับภาษาหลายๆภาษาตั้งแต่เด็ก จะทำให้เรียนรู้ภาษาอื่นได้ง่ายขึ้นมากค่ะ”
แล้วเรื่องราวของ LGBT ในประเทศไทย ทางดร.ฟ้ามีความเห็นอย่างไรบ้างคะ คิดว่าประเทศไทยควรจะเปิดรับเรื่องพวกนี้ได้หรือยังคะ?
“เรื่องความหลากหลายทางเพศนั้น เป็นเรื่องที่น่าแปลก ว่าการยอมรับในแต่ละยุคแต่ละสมัยมีความแตกต่างกัน เช่นโขลนหรือยามที่เป็นผู้หญิงในสมัยรัชกาลที่ 5 สำหรับวังฝ่ายในนั้น มักจะมีลักษณะที่เหมือนผู้ชาย และจะมีเพื่อนหรือแฟนเป็นผู้หญิงอยู่เสมอ โดยถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนการแต่งกายที่ชายแต่งเป็นหญิงก็จะเกิดขึ้นสำหรับละครใน ซึ่งจะมีตัวละครที่ต้องเป็นชายล้วนเท่านั้น ตนเองเชื่อว่าผู้ที่เล่นบทเป็นผู้หญิงคงจะมีความคล้ายผู้หญิง มากกว่าความเป็นชาย แต่การยอมรับในแต่ละสมัย ก็ขึ้นอยู่กับสังคมรอบข้างว่ามองบทบาทชายหญิงเป็นอย่างไร ต้องถือว่าประเทศไทยยอมรับ ความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งก็ยังพัฒนาขึ้นได้อีกมาก แต่การยอมรับทางกฎหมายนั้นคงจะต้องดำเนินการต่อไปเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิที่เท่าเทียมกันอย่างแท้จริงค่ะ”
ถ้าดร.ฟ้ามีโอกาสเป็นกระบอกเสียงในการรณรงค์เรื่องราวของ LGBT ดร.ฟ้าอยากจะช่วยรณรงค์ในเรื่องใดบ้างคะ?
“การจะช่วยรณรงค์คงจะมองเรื่องสิทธิความเท่าเทียมกัน ทั้งในกลุ่มชายหญิง หรือในกลุ่มความหลากหลายทางเพศ ว่าทุกคนมีสิทธิในความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่มีใครควรได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือถูกรังเกียจ รังแก จากการเป็นเพศของตนเอง สัตว์ที่ตนเองเป็นผู้หญิงก็รู้สึกว่า ผู้หญิงนั้นก็จำต้องรณรงค์เรื่องสิทธิความเท่าเทียมกันในหลายหลายเรื่อง แต่ก็ถือว่ามีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่ช่วย เรื่องสิทธิความเท่าเทียมกันของผู้หญิงทั้งในระดับประเทศและระดับโลกมากมาย ทรายสำหรับกลุ่มความหลากหลายทางเพศนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ที่จะต้องเข้าใจว่าสิทธิเท่าเทียมกันนั้นหมายถึงเรื่องใดบ้างและเรื่องใดจำเป็นต้องให้ความสำคัญมากกว่าเพื่อที่จะได้เร่งรัดดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงเร็วค่ะ
สำหรับตนเอง ในฐานะที่มีลูก 2 คน อย่างน้อยการได้ช่วยรณรงค์นั้นก็ช่วยเปิดโอกาสให้ลูกได้มีความเข้าใจ ว่าโลกนี้มีความหลากหลายทางเพศอยู่ และเป็นสิ่งที่ปกติ เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจยอมรับ ว่าทุกคนเท่าเทียมกัน เกิดวันหนึ่งลูกได้เรียกว่าตนเองอาจมีความหลากหลายทางเพศเท่ากันพ่อแม่ก็ควรจะต้องยอมรับ เพราะการผลักไสไล่ส่ง ทำให้ลูกขาดความอบอุ่นและอาจนำไปสู่สิ่งที่เลวร้ายในอนาคตได้”
ถ้าในอนาคตประเทศไทยรองรับกฎหมายการแต่งงานของเพศที่สาม มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้คะ?
“โดยส่วนตัวนั้น ก็ยังต้องพยายามทำความเข้าใจและยอมรับ เรื่องการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันอยู่ ซึ่งส่วนนี้ก็เป็นเรื่องความมีอคติที่ตนเองต้องเข้าใจว่า แม้แต่ตัวเองก็ยังคงมีอยู่และต้องค่อยๆ ปรับทัศนคติต่อไป แต่เมื่อฟังสิ่งที่คู่กลุ่มหลากหลายทางเพศต้องประสบ เมื่อไม่มีกฎหมายฉบับนี้แล้วก็รู้สึกสะท้อนใจ ว่าสิ่งที่เป็นเรื่องง่ายสำหรับคู่หญิงชาย เช่นเรื่องการลงนามอนุญาตให้คู่ของตนเข้ารับการผ่าตัดได้ในโรงพยาบาล หรือการรับมรดกในกรณีที่ มีทรัพย์ที่สร้างร่วมกันในระหว่างที่เป็นคู่ ในกรณีนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสงสารและควรจะได้รับการแก้ไข หาคู่ที่ใช้ชีวิตกันมานานไม่สามารถที่จะอ้างกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิ์ของตนเองได้ ดังนั้นจึงถือว่ากฎหมายรับรองการแต่งงานของเพศที่สามเป็นสิ่งที่สำคัญค่ะ”
และนี่ก็เป็นเรื่องราวมุมมองดีๆ จากผู้หญิงเก่งมากความสามารถ และมีความคิดที่ดีอย่าง ดร. ฟ้าที่โดดเด่นดอทคอมอยากจะให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวความคิดดีๆ ของเธอคนนี้กันค่ะ ทางโดดเด่นดอทคอมก็ต้องขอขอบคุณดร.ฟ้าที่ให้เกียรติเราในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วยนะคะ