ถ้าเอ่ยชื่อ ดิว พิพัฒนกรณ์ เอี่ยมศิลา เชื่อว่าหลายคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจความงามคลินิกศัลยกรรม คงต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ในฐานะนักบริหารการตลาดรุ่นใหม่ไฟแรง นักปั้นBrand Marketing มือทอง ที่ทำให้หลายคลินิกโด่งดังเป็นที่รู้จักรวมถึงตัวคุณหมอที่มีชื่อเสียงหลายคนในคลินิกดังๆก็ผ่านการปลุกปั้นโดยมีคุณดิวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ซึ่งการทำงานของคุณดิวนั้น ส่วนตัวจะมีหลักในการเลือกคลินิกที่ตนเองจะร่วมงานด้วยโดยเน้นที่ทัศนคิติของเจ้าของคลินิกและจรรยาบรรณของคุณหมอมีต่อคนไข้เป็นหลักก่อนที่จะร่วมงานกันต้องมีการพูดคุยกันก่อนเพื่อปรับทัศนคติให้ตรงกันทั้งสองฝ่ายแล้วจึงวางแผนทำการตลาดในการไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้

แน่นอนว่าการทำBranding Marketing นั้น ผลที่ได้รับคือยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นแต่นอกเหนือจากยอดขายแล้วคุณดิว ยังมองด้วยว่าสิ่งที่เจ้าของคลินิกจะได้ต้องได้มากกว่าเนื้องานที่ทำนั้นก็คือการได้คอนเนคชั่น นั่นเอง เพื่อใช้ในการต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคตต่อไป ล่าสุดมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณดิว ลงลึกไปในรายละเอียดการทำงานเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด รวมถึงที่มาที่ไปในการก้าวเข้าสู่วงการธุรกิจความงามอย่างเต็มตัว โดยคุณดิวได้ให้สัมภาษณ์ว่า

 

ดิว พิพัฒนกรณ์

 

ส่วนใหญ่แล้วคนจะรู้จักเราในฐานะอะไร?
“เป็นที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของธุรกิจความงามคลินิกศัลยกรรมครับ”

จำเป็นต้องมีตำแหน่งนี้ไหมในวงการธุรกิจความงาม?
“หากเป็นคลินิกความงามศัลยกรรมที่คิดจะทำการตลาดในระยะยาวก็ควรจำเป็น เพราะว่าการBranding Marketing มันเป็นสิ่งสำคัญเพราะว่าหากเราทำ Branding กับ Marketing ที่ชัดเจนตั้งแต่แรก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ในการลดราคาในระยะยาว ซึ่งจะทำให้การทำการตลาดของฝ่ายการตลาดค่อนข้างเหนื่อยครับ”

ส่วนใหญ่คนจะรู้จักคุณดิวเพราะหมอหลายคนก็ดังและเป็นที่รู้จักจากคุณดิว
“ถ้าจะพูดแบบนั้นตรงๆจริงๆก็พูดได้ แต่โดยส่วนรวมแล้วขอพูดว่าผมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณหมอเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปให้มากยิ่งขึ้นดีกว่าครับ”

ตอนนี้ทำการตลาดให้กับคลินิกไหนบ้าง?
“ตอนนี้ก็ได้รับเกียรติจาก อาจารย์ชลธิศ จากธีรพรคลินิก และด็อกเตอร์เกรซ คลินิก ของคุณหมอเกรซ และก็ในส่วนของตัว Branding คลินิกเองก็มีอะโดนิส คลินิก ตรงแยกม.เกษตร อีกที่หนึ่งยังไม่ได้เปิดแต่ใกล้จะเปิดแล้ว อยู่แถวลาดพร้าวครับ จริงๆตั้งเป้าไว้ว่าจะดูแลไม่เกิน 6 ที่ และกำลังคุยอีก 2 ที่ ที่กำลังติดต่อเข้ามา เพราะว่าไม่อยากให้เยอะไปมากกว่านี้ ซึ่งมีเกณฑ์ในการเลือกสถานที่ทำงานด้วยเช่นกัน

คลินิกที่ผมขอเลือกในการทำงาน เริ่มแรกเราเองต้องแอบศึกษาหาข้อมูลข้างในก่อนว่าแต่ละคลินิกมีความชำนาญในแบบไหน และที่สำคัญไม่ทับซ้อนกันในความสามารถของแต่ละคลินิก เพราะว่าจะได้ทำงานง่ายเพราะโดยจรรยาบรรณส่วนตัวแล้ว และอีกอย่างก็คือจรรยาบรรณของเจ้าของคลินิกและแอดติจูดของเจ้าของคลินิกที่มีต่อเรา ก็ต้องคุยกันก่อนว่าเค้าไปในแนวทางเดียวกันหรือเปล่า ถ้าเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ก็ร่วมงานกันได้”

ผลที่ได้รับกลับไป แน่นอนเลยว่าเค้าจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในนามของตัวBrandingคลินิกเอง หรือBrandingของตัวคุณหมอเอง ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของตัวคลินิกที่คุยกันตั้งแต่แรก และผลที่ตามมาก็คือยอดขาย ถ้าคลินิกหรือตัวคุณหมอเป็นที่รู้จักมากขึ้น ยอดขายก็จะต้องตามมาอยู่แล้วครับ”

 

 

ที่มาที่ไปในการก้าวเข้าสู่วงการศัลยกรรมความงามเข้ามาในวงการนี้ได้ยังไง?
“ขอเล่าย้อนไปประมาณสิบกว่าปีเลยล่ะกันครับ เริ่มแรกผมทำงานอยู่บริษัท เอเจนซี่โฆษณา จริงๆไม่ได้จบอะไรด้านนี้มาเลยครับ ผมจบFood Science เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แล้วก็ทำบริษัทโฆษณามาโดยตลอด เราก็เลยจะมีความชำนาญในด้านสื่อโฆษณา การวางแผนโฆษณาพอถึงช่วงที่ยุคเอเจนซี่มันเยอะมากๆก็ปิดตัวลง ก็ได้ผันตัวรับโอกาสเข้ามาทำในฝ่ายการตลาดของคลินิกแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็สั่งสมประสบการณ์ในการทำMarketingและอยู่ทุกฝ่ายของธุรกิจความงามมาโดยตลอดเป็นสิบปี และหลังจากนั้นพอประสบการณ์มันเต็มที่แล้วเราก็เลยออกมาทำเอง เป็นที่ปรึกษาตรงนี้ครับ”

อารมณ์คล้ายๆเหมือนผู้จัดการดาราหรือเปล่า?
“ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้น่ะครับ บางคนก็จะพูดว่าถ้าหมออยากดัง หรือคลินิกอยากดังก็ให้มาคุยกับผม ผมก็จะช่วยปั้นตรงนี้ให้ได้”

ที่มาที่ไปในการก้าวเข้าสู่วงการศัลยกรรมความงามเข้ามาในวงการนี้ได้ยังไง?
“ขอเล่าย้อนไปประมาณสิบกว่าปีเลยล่ะกันครับ เริ่มแรกผมทำงานอยู่บริษัท เอเจนซี่โฆษณา จริงๆไม่ได้จบอะไรด้านนี้มาเลยครับ ผมจบFood Science เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แล้วก็ทำบริษัทโฆษณามาโดยตลอด เราก็เลยจะมีความชำนาญในด้านสื่อโฆษณา การวางแผนโฆษณาพอถึงช่วงที่ยุคเอเจนซี่มันเยอะมากๆก็ปิดตัวลง ก็ได้ผันตัวรับโอกาสเข้ามาทำในฝ่ายการตลาดของคลินิกแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็สั่งสมประสบการณ์ในการทำMarketingและอยู่ทุกฝ่ายของธุรกิจความงามมาโดยตลอดเป็นสิบปี และหลังจากนั้นพอประสบการณ์มันเต็มที่แล้วเราก็เลยออกมาทำเอง เป็นที่ปรึกษาตรงนี้ครับ”

อารมณ์คล้ายๆเหมือนผู้จัดการดาราหรือเปล่า?
“ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้น่ะครับ บางคนก็จะพูดว่าถ้าหมออยากดัง หรือคลินิกอยากดังก็ให้มาคุยกับผม ผมก็จะช่วยปั้นตรงนี้ให้ได้”

 

 

การวางคอนเซปต์ในการทำการตลาดแต่ละคลินิกมีวิธีการยังไง?
“เริ่มแรกเราไปคุยเจอกับคุณหมอ เราก็จะคุยว่าแต่ละท่านมีความต้องการยังไงบ้าง บางท่านเค้าก็ไม่อยากออกหน้าเอง อยากปั้นแบรนด์มากกว่า บางท่านก็อยากปั้นตัวเองทำเป็นCEO Branding พอตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็มาวางแผนกัน ถ้าอยากปั้นแบรนด์ เราก็จะมาดูว่าชื่อคลินิกนี้ โดยที่ไม่เอ่ยถึงเจ้าของคลินิกสักเท่าไร แต่ถ้าอยากปั้นตัวคุณหมอเราก็จะเอาตัวคุณหมอมานั่งคุยเจาะลึกกันอีกว่า คุณหมอเป็นผู้ชาย ผู้หญิง อายุเท่าไหร่ มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ก็จะได้พาคุณหมอไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้”

ถ้าอยู่ในความดูแลของเราแล้วคุณหมอหรือคลินิกจะได้รับประโยชน์มากน้อยแค่ไหนในการต่อยอดธุรกิจ?
“จริงๆที่ผ่านมาเวลาเราทำงานก็ทำให้เกินร้อยอยู่แล้ว ก็อย่างที่เรามองว่าจ้างเราเป็นที่ปรึกษานอกจากจะได้งานแล้ว มันต้องได้มากกว่าเนื้องาน สิ่งที่สำคัญคือได้คอนเนคชั่นที่เรามีอยู่ในมือไม่ว่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่หรือดารา เซเลบริตี้ที่เราจะผลักดันให้รู้จักกันเพื่อที่จะต่อยอด เพราะว่าเราก็มองว่าถ้าวันหนึ่งเค้าไม่ได้จ้างเรา เค้าเองก็จะได้มีคอนเนคชั่นตรงนี้เอาไว้ต่อยอดตัวเค้าเองได้ครับ”

ขอถามถึงอัตราการจ้างในตำแหน่งนี้ค่อนข้างสูงไหม?
“เรื่องราคาขอบอกว่ามันสมเหตุสมผลล่ะกันครับ กับสิ่งที่คุณจะได้มาเพราะว่าคำว่าคอนเนคชั่นผมเชื่อว่าหลายๆท่านซื้อไม่ได้ด้วยเงิน เพราะว่าบางทีเอาเงินมากองไว้ตรงหน้า แต่ถ้าไม่มีคอนเนคชั่นสิ่งที่คุณอยากได้มันก็ไม่ได้เหมือนกัน”

โปรเจคในปีนี้ที่วางแผนไว้มีอะไรบ้าง?
“ถ้ามองเป็นภาพรวมของคลินิกแต่ละที่ที่ดูแลอยู่ คุณหมอก็จะมีทำCEO Branding ของตัวเองมากขึ้นเพื่อที่จะกระตุ้นยอดขาย จริงๆต้องบอกว่าคลินิกที่ผมดูแลอาจารย์หมอแต่ละคนก็มียอดขายที่ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาอาจารย์หมอไม่ได้มีการRebranding แต่พอมีการRebrandingแล้วกลับกลายเป็นว่ายอดขายเพิ่มมากขึ้น เพราะมีการขยายฐานลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าให้มากขึ้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ต่อยอดในคลินิกศัลยกรรม ส่วนคลินิกสกิน คุณหมอก็เป็นที่ยอมรับและปรับลุคส์คุณหมอให้อยู่ในทำเนียบของเซเลบริตี้ของประเทศไทยให้มากขึ้น อยู่ในแวดวงสังคมประมาณนั้น”

 

 

ความอยาก ง่าย ของงานที่ทำเป็นยังไงบ้าง?
“จริงๆมันไม่มีคำว่าง่ายหรือยากน่ะครับ ยากสุดคือการปรับทัศนคติให้ตรงกันระหว่างเรากับเจ้าของ ว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไรแล้วเราก็จะนำพาหาวิธีการไปให้ถึงเป้าหมายตรงนั้นให้ได้ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะถ้าเจ้าของให้ความร่วมมือกับเรามันก็จะง่ายสุดครับ แต่ผมก็เชื่อว่าแต่ละที่ก็จะมีความหินอยู่แล้วบางครั้งระหว่างทางที่จะไปถึงเป้าหมายตัวเจ้าของเองก็อาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เรานำเสนอไป”

สำหรับใครที่ต้องการให้เราไปทำการตลาดให้สามารถติดต่อได้ที่ไหนบ้าง?
“ส่วนมากจะมีการแนะนำบอกต่อครับ ที่ผ่านมาก็จะมีติดต่อผ่านเฟชบุ๊ค หรือว่าให้ไลน์ส่วนตัวแล้วก็ติดต่อเข้ามา เรื่องราคาสามารถคุยกันได้ครับอยู่ที่ความต้องการ ที่สำคัญที่สุดเวลาผมจะร่วมงานหรือไม่ร่วมงาน ผมต้องขอคุยในเรื่องทัศนคติการร่วมงานกันก่อน อีกอย่างหนึ่งก็คือจรรยาบรรณของคุณหมอที่มีให้คนไข้ หลายครั้งคนที่มาจ้างค่าตัวให้หลายแสนมากแต่ว่าจรรยาบรรณไม่มี เหมือนใช้สินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหรือว่าไม่ได้ใช้แพทย์มาทำหัตถการใดๆเอง อันนี้ส่วนตัวผมรับไม่ได้ ก็เลยไม่ขอรับงานพวกนี้ครับ”

ส่วนตัวคิดว่าศัลยกรรมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากน้อยขนาดไหน?
“จริงๆต้องบอกว่าคลินิกความงามก็แยกเป็นแบบศัลยกรรมและไม่ศัลยกรรมและก็มีในส่วนของการชะลอวัย แต่ปัจจุบันก็แทบจะเอาสามอย่างนี้มารวมกัน เพื่อที่จะให้ครบวงจร อย่างเช่นถ้าดึงหน้าไปแล้วในส่วนของคนที่อายุ 40 กว่า อาจจะมาต่อยอดในเรื่องการเติมสารเติมเต็ม สารลดเลือนริ้วรอยและในส่วนของตัวสเต็มเซลล์ต่างๆเพื่อที่จะทำให้ผิวหน้าทั้งตึงและลดเลือนริ้วรอยด้วยและดูอ่อนเยาว์ด้วยในส่วนตรงนี้ ถ้าถามว่าจำเป็นไหมผมว่าบุคลิกหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ทำให้มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ถ้ามีความมั่นใจผมเชื่อว่าก็จะมีพลังในการทำงานต่างๆให้ได้ผลที่ดีขึ้นมาก”

 

 

ในส่วนที่ดูแลอยู่แต่ละคลินิบริหารจัดการเป็นอย่างไรบ้าง?
“ในส่วนธีรพรคลินิกก็จะเป็นศัลยกรรม ที่เด่นที่สุดก็ต้องบอกเลยว่าอาจารย์ชลทิศทำตาเก่งที่สุดในประเทศไทยและล็อคหน้าโดยที่มีแผลเล็กที่สุด ในปัจจุบันก็จะมีการเปิดในส่วนของแผนกผิวพรรณและแพทย์ชะลอวัยเพื่อที่จะได้ครบวงจร ส่วนของด็อกเตอร์เกรซ คลินิก คุณหมอจะเก่งในเรื่องใช้สารเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอยก็จะเป็นในส่วนของสกินอย่างเดียว ส่วนอะโนดิส คลินิกก็เป็นในส่วนของสกิน เน้นในเรื่องการให้วิตามินอาหารผิว

สุดท้ายผมอยากให้แต่ละคลินิกให้ความสำคัญในเรื่องการทำการตลาดและการทำBranding ไม่อยากให้ทำการตลาดโดยการลดราคาแล้วก็ไปลดต้นทุน ตรงนี้จะทำให้คุณภาพสินค้าหรือฝีมือแพทย์ที่คนไข้ได้รับไปมันไม่ได้ดี ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้คุ้มค่าในสิ่งที่เสียเงินไป ถ้าเราคิดว่าจะทำBranding หรือ Marketing แบบจริงจัง ก็สามารถติดต่อมาได้เพื่อที่จะได้พูดคุยและร่วมงานกันในอนาคตครับ”

สำหรับใครที่อยากจะติดต่อคุณดิวในการทำBranding Marketing สามารถติดต่อได้ที่ ID Line: casnovadew

 

 

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ