ตะลึง..พบโคตรเสือโคร่งยักษ์ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในประเทศ น้ำหนักมากกว่า 200 กิโลกรัม ฝ่าเท้าใหญ่ถึง 11 เซนติเมตร ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นักวิจัยกรมอุทยานแห่งชาติฯ เผยประชากรเสือโคร่งล้นป่า อึ้งแม่เสือเดินข้ามถนน 100 กิโลเมตรจาก “ห้วยขาแข้ง” ไป “สลักพระ”
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 นครสวรรค์ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข่าวดีสำหรับวงการอนุรักษ์สัตว์ป่า
โดยทีมนักวิจัยสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่ติดตามข้อมูลและปริมาณเสือในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พบเสือเพศเมีย 2 ตัว ที่ทีมวิจัยติดวิทยุติดตามตัวและตั้งชื่อว่า “เอื้อง” กับ “รุ้งนภา” ได้คลอดลูก โดยแม่รุ้งนภาคลอดลูกเสือ 3 ตัว เป็นตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 2 ตัว ส่วนแม่เอื้อง ยังมองไม่เห็นว่าคลอดออกมากี่ตัว
ที่สำคัญ ยังพบเสือสาววัยรุ่นและเสือหนุ่มขนาดใหญ่มาก น้ำหนักมากกว่า 200 กิโลกรัม ทั้ง 2 ตัว ถือว่าเป็นเสือที่ใหญ่ที่สุดในป่าธรรมชาติในประเทศที่เคยพบ โดยพบว่ามีขนาดฝ่าเท้าใหญ่ถึง 11 เซนติเมตร จากเดิมที่เคยพบเสือตัวที่ใหญ่ที่สุดมีฝ่าเท้าแค่ 9 เซนติเมตรเท่านั้น เสือทั้ง 2 ตัว ทีมวิจัยเพิ่งจะเคยเจอครั้งแรก ยังไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปจากที่ไหน แต่ได้ตั้งชื่อเสือตัวเมียว่า “นวพรรษ” และเสือตัวผู้ชื่อ “อุทิศ” ซึ่งเชื่อว่าเป็นเสือตัวใหญ่ที่สุดในประเทศเวลานี้
นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 2,700 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณเสือโคร่งจำนวนมากจนแทบล้นป่า ปัจจุบันมีเสืออยู่ประมาณ 80 ตัว เสือโคร่งมีอาณาเขตหากินประมาณตัวละประมาณ 80 ตารางกิโลเมตร
ถือได้ว่า เสือมีจำนวนเกือบจะเต็มพื้นที่แล้ว และที่น่ายินดีอย่างมากคือ พื้นที่ป่าที่ติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง คือ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และอุทยานแห่งชาติคลองลาน เริ่มมีประชากรเสือโคร่งมากขึ้นเช่นกัน โดยในอุทยานฯ แม่วงก์ มีเสือแม่ลูกอ่อน 2 ตัว ทั้ง 2 ตัว มีลูกรวมกัน 5 ตัว และมีเสือตัวผู้อีก 3 ตัว และจากกล้องแคมเมราแท็ป ที่ติดกับต้นไม้ตามจุดต่างๆ สามารถถ่ายภาพเสือโคร่งในอุทยานฯ แม่วงก์ ได้ไม่ต่ำกว่า 12 ตัว
ส่วนที่อุทยานฯ คลองลาน พบรอยตีนเสือโคร่งหลายแห่ง แต่ที่น่าประหลาดใจและน่ายินดีอย่างมากคือ พบเสือตัวเมียจากห้วยขาแข้ง 2 ตัว ตัวหนึ่ง เดินไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี และอีกตัวหนึ่งเดินไปที่อุทยานแห่งชาติถ้ำธารลอด ระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร ที่เรียกว่าประหลาดใจก็เพราะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ไม่ได้ติดต่อเชื่อมโยงกัน มีหมู่บ้านและถนนลาดยางกั้นหลายแห่ง แต่เสือโคร่งสามารถเดินไปถึง
เมื่อถามว่า ทราบได้อย่างไรว่า เสือทั้ง 2 ตัวเป็นเสือที่เดินทางมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ตรวจสอบจากกล้องแคมเมราแท็ป พบว่า ทั้ง 2 ตัวเป็นเสือที่หายออกไป จากกล้องที่เคยถ่ายรูปได้เป็นประจำ และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เป็นพื้นที่ที่กรมอุทยานฯได้นำกล้องแคมเมราแท็ป ไปติดตั้งเอาไว้ และสามารถถ่ายภาพเสือทั้ง 2 ตัวได้ ทั้งนี้ ลายของเสือแต่ละตัวจะไม่เหมือนกันอยู่แล้ว จึงมั่นใจว่าเป็นตัวเดียวกับที่มาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งอย่างแน่นอน
