” เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า แสงแดดมีความจำเป็นต่อการดำรงแต่หากได้รับมากเกินไปเป็นระยะเวลานานเพียง 15 นาที รังสียูวี ก็สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รวมทั้งผิวหนัง นัยน์ตา และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งในประเทศไทยพบผู้ป่วย จำนวน 300-400 รายต่อปี โดยทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ เนื่องจากการได้รับแสงแดดปริมาณมาก ทั้งยูวีเอ และยูวีบี ส่วนยูวีซี มีพลังงานสูงที่สุด อันตรายมากที่สุด แต่พบได้น้อยเนื่องจากจะถูกชั้นบรรยากาศกรองเอาไว้ “
สำหรับการป้องกันผิวหนังจากการสัมผัสแสงแดดนั้น ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 15 หรือมากกว่า ทาบริเวณผิวหน้าและบริเวณที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดมาก โดยเฉพาะ 3 จุดสำคัญบนร่างกายที่ไม่ควรละเลยในการป้องกันรังสียูวี จุดแรกคือ ริมฝีปาก ควรทาลิปบาล์มที่มีสารป้องกันแสงแดด โดยสามารถทาซ้ำได้บ่อย จุดที่สองคือผิวตัว และจุดสุดท้ายคือผิวมือ ควรทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวมือบ่อย ๆ และทาครีมกันแดดร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันรังสียูวีได้ โดยดูจากค่าที่เรียกว่า PA หรือ Protection Grade of UVA ซึ่งเป็นค่าซึ่งเป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีเอ โดยมีทั้งหมดระดับ คือ PA+, PA++ และ PA+++ เรียงตามลำดับของประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีจากน้อยไป
“การปกป้องผิวจากรังสียูวีไม่เฉพาะแค่ช่วงหน้าร้อนหรือบริเวณชายทะเลเท่านั้น แต่ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ และให้หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เพราะเป็นเวลาที่สามารถรับรังสีจากนอกอาคารมากที่สุด”
นอกจากนี้ นพ.พรเทพ ยังแนะนำให้ป้องกันร่างกายจากแสงแดดดังนี้
ขอบคุณที่มา kapook.com