เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ยืนยันมีหลักฐานชัดเจน กรณีออกหมายจับสาวตาบอด เล่นเฟซบุ๊กด่า ‘ลูกเทพ’ สรุปปากคำส่งอัยการแล้วรอพิจารณา สั่งฟ้องหรือไม่…
จากกรณี นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.เขตบึงกุ่ม-คันนายาว พรรคเพื่อไทย นำนางสาวไพลิน เกียงขวา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ซ.สวนสยาม 16 แยก 3-5 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม. ซึ่งเป็นผู้พิการตาบอดมองไม่เห็นทั้ง 2 ข้าง เข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.ณัฐภัทร พุทธังกุโร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ ตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ลงวันที่ 19 มกราคม 2559 ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
ซึ่งหลังจากมอบตัวได้ให้ปากคำปฏิเสธข้อกล่าวหา ทางอดีต ส.ส. ได้ใช้วงเงิน 5 หมื่นบาทประกันตัวออกไป ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ต.ค.58 เนื่องจาก ผู้เสียหายคือ นางสาวชนัดดา สาโรจน์ อายุ 34 ปี บ้านอยู่อำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่ ได้เข้าแจ้งความกล่าวหา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เป็นผู้พิมพ์แชทด่าทอตัวเอง หลังจากได้พูดคุยกันเรื่องตุ๊กตาลูกเทพ ทำให้เกิดความเสียหายจนมีการออกหมายจับดังกล่าว
ความคืบหน้าวันที่ 27 ก.พ.59 ร.ต.อ.ณัฐภัทร พุทธังกุโร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ เจ้าของคดี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า หลังจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัววานนี้ (26 ก.พ.) ทางตนได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้พิการตาบอด และได้ให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีแม่ของผู้ต้องหาและญาติ ร่วมในการสอบปากคำ ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมา เช่น รูปถ่าย บุตรสาวของผู้ต้องหาวัย 3 ขวบตรงกับผู้ต้องหาทุกประการ รวมทั้งเลขบัญชีธนาคาร ในการโอนเงินเพื่อขายสินค้าผ่านทางเฟซบุ๊กดังกล่าว
แต่เมื่อผู้ต้องหายืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้โพสต์ หรือเล่นเฟซบุ๊ก ก็ได้สรุปการให้ปากคำ เสนอไปยังอัยการ หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของผู้ต้องหาที่จะนำหลักฐานต่างๆ มาหักล้างให้การหากทางอัยการสั่งฟ้อง หรือหากสั่งไม่ฟ้องให้สอบเพิ่มก็จะเป็นขั้นตอนต่อไป
ร.ต.อ.ณัฐภัทร กล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น หลักฐานในการออกหมายจับในครั้งนี้ คือ ภาพต่างๆ ของผู้ต้องหาที่นำมาโพสต์ในเฟซบุ๊กชื่อ สตอเบอร์รี่ นมสด และหลักฐานเลขบัญชีของผู้ต้องหา ที่น่าเชื่อได้ว่า เป็นผู้โพสต์ด่าหมิ่นประมาทผู้เสียหายตามที่แจ้งความ ส่วนการให้ทำหนังสือไปยังกระทรวงไอซีที เพื่อให้สืบหาผู้ใช้จริงนั้น ไม่จำเป็น เนื่องทางไอซีที จะแจ้งกลับมาว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเฟซบุ๊กเป็นของต่างประเทศ ดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้น ก็มีหลักฐานเพียงพอ แม้ว่าผู้ต้องหาในคดีนี้จะเป็นผู้พิการตาบอดก็ตาม.