นับวันโรคแปลกๆที่เราไม่เคยได้ยินชื่อ มักจะปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างล่าสุด “ถุงน้ำดีข้น” ที่เกิดจากระบบดูดซึมของร่างกายเสียสมดุล กำลังเป็นโรคใหม่ยอดฮิตของคนเมืองที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่น่าสนใจคือ อาการของโรคนี้มักจะไม่ปรากฏที่ถุงน้ำดีโดยตรง แต่จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับอวัยวะอื่นๆ จนเรานึกไม่ถึง เช่น อาการปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวสองข้าง น้ำในหูไม่เท่ากันเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย นอนไม่ค่อยหลับ ตาเหลือง กินได้น้อย ปวดหลัง ปวด สะโพก ปวดน่อง ตาฝ้าฟาง ตาเป็นต้อ เหงือกบวม ปวดเข่าขาไม่มีแรง ซึ่งดูแล้วเวลาที่เกิดอาการเหล่านี้ แทบจะนึกไม่ออกเลยว่าเป็นอาการของโรคที่มีผลมาจากถุงน้ำดี
โดยปกติ ถุงน้ำดี (GALL BLADDER) จะมีน้ำดีที่ถูกขับออกมาจากตับ เป็นเสมือนถุงสำรองที่เก็บน้ำย่อย คอยช่วยย่อยไขมัน เมื่อเวลาที่อาหารผ่านหลอดอาหารลงมาถึงกระเพาะและลำไส้ แต่หากเป็น ถุงน้ำดีข้น การทำงานของระบบดูดซึมปกติจะเสียไป เนื่องจากมีไขมันไปเกาะติดอยู่ที่ผนังลำไส้เล็กมากเกินไป จนไปขวางการดูดซึมของน้ำและอาหาร ทำให้การย่อยไม่ปกติ ร่างกายต้องดึงน้ำย่อยจากถุงน้ำดีมาใช้งาน ทำให้เกิดภาวะถุงน้ำดีข้น หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจจะทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้ เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีอักเสบ ไปจนถึงมะเร็งลำไส้
สาเหตุของการเกิดภาวะถุงน้ำดีข้น ที่พบบ่อยมาจากการกินอาหารผัดและทอดด้วยน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มคนเมืองมากกว่าคนชนบทที่ยังมีการใช้น้ำมันหมูหรือน้ำมันมะพร้าวอยู่บ้าง
น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี คือ น้ำมันที่ถูกเติมไฮโดรเจน (Hydrogenated) ทำให้ทอดอาหารได้กรอบอร่อย ใช้ได้หลายครั้ง ไม่เหม็นหืน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสูง เพราะโครงสร้างเคมีเปลี่ยนไปหลังผ่านกรรมวิธี เมื่อกินเข้าไปในร่างกาย จะกลายเป็นคราบเข้าไปเคลือบกระเพาะ ลำไส้ ทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไปไม่สามารถแทรกน้ำมันพืชเข้าไปให้ร่างกายดูดซึมได้ คราบเหนียวหนึบยึดติดจากการกินน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีนอกจากจะเกิดในลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ แล้วยังไปเกาะตามผนังหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ ทำให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดได้อีกด้วย
อธิบายให้เห็นภาพชัดๆก็คือ เมื่อทานน้ำเข้าไป 100% แทนที่น้ำจะพาวิตามินบีและซี ไปยังอวัยวะส่วนต่างๆเพื่อดูดซึมไปใช้ แล้วเหลือประมาณ 30-40% ส่งผ่านไปยังไต เพื่อขับส่วนที่เกินออกไปเป็นปัสสาวะ กลายเป็นว่า เมื่อมีไขมันไปเกาะมากๆ น้ำ 100% ที่ดื่มเข้าไป ร่างกายดูดซึมไม่ได้เลย กลายเป็นภาระของไตที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อนำน้ำ 100% กับวิตามินบีและซี ไปทิ้งเป็นปัสสาวะด้วย และอาจทำให้เกิดภาวะไตอักเสบจนต้องล้างไต หรือ ไตวายได้
นอกจากนี้ เมื่อร่างกายขาดวิตามินบี ผลที่ตามมาคือ สมองไม่ปลอดโปร่ง ควบคุมอารมณ์ยาก โมโหหงุดหงิดง่าย ส่วนถ้าขาดวิตามินซีก็จะทำให้ติดเชื้อง่าย เป็นหวัดง่าย หายยาก
ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า แม้ถุงน้ำดีจะเป็นระบบสำรองในการเก็บน้ำย่อย แต่ก็เป็นอวัยวะที่มีผลต่อระบบหมุนเวียนเลือด เมื่อเกิดภาวะถุงน้ำดีข้น ส่งผลให้เลือดไหลขึ้นไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย ทำให้เกิดอาการเวียนหัว ผมร่วง ปวดไมเกรน ปวดตามแนวหลัง สะโพก ขาด้านหลัง น่อง ฯลฯ
การป้องกันภาวะถุงน้ำดีข้นที่เกิดจากการมีไขมันไปเกาะผนังลำไส้ จนระบบดูดซึมเสีย อย่างแรกเลยก็คือ หลีกเลี่ยงอาหารผัดหรือทอดด้วยน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี ดื่มน้ำบ่อยๆครั้งละน้อยๆ ไม่เครียด ไม่อดนอน จากนั้นให้หมั่นล้างระบบดูดซึม ซึ่งมีอยู่หลายวิธี เช่น ใช้มะละกอดิบ ต้มน้ำเอาน้ำมาชงชาแล้วดื่มเป็นประจำทุกวัน สูตรนี้จะช่วยล้างไขมันที่เกาะลำไส้ได้ดี
ใช้โยเกิร์ตผสมนมสด น้ำผึ้งและมะนาว ผสมดื่มกิน อีกสูตรหนึ่งเป็นสูตรของแพทย์ทางเลือก ให้นำรากหญ้าคา เก๋ากี๊ เก๊กฮวย ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ตะไคร้หอม ต้มรวมกัน แล้วกรองออกเหลือแต่น้ำ ดื่มเป็นชา ล้างลำไส้ได้ดีที่สุด
ปัจจุบันคนไทย 70% กำลังเป็นโรคอ้วน ครึ่งหนึ่งของคนที่เป็นโรคอ้วนมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคไตในช่วงระยะเวลา 10-20 ปี และอีกครึ่งหนึ่งอาจเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ การดูแลถุงน้ำดีและระบบดูดซึมของร่างกายด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตเป็นวิธีเดียวที่จะป้องกันภาวะถุงน้ำดีข้น โรคอ้วน โรคไต และมะเร็งได้
เริ่มต้นวันนี้…ก่อนที่จะสายเกินไป.