ที่มา: Khaosod Online

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมานายอดุล ทินะพงศ์ ทนายความส่วนตัว “น๊อต เวคคลับ” เปิดเผยหลังการสอบปากคำนานกว่า 3 ชม. ว่า ในวันนี้ทางลูกความตนได้แจ้งความกลับคู่กรณีในคดีจราจร ซึ่งลูกความของตนนั้นเป็นผู้เสียหายเนื่องจากถูกคู่กรณีชนท้าย และได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว ทั้งนี้จากการที่คู่กรณีระบุว่า ขณะเกิดเหตุมีรถแท็กซี่มาชนท้ายแล้วรถเสียหลักมาพุ่งชนรถของลูกความตน แต่ไม่ได้มีเจตนาหลบหนี ซึ่งตนอยากให้ตั้งข้อสังเกตว่าหากเป็นอย่างที่กล่าวอ้างจริงเหตุใดถึงต้องรีบขับขี่ออกไปจากจุดเกิดเหตุ

04

นายอดุล กล่าวว่า นอกจากนี้โดยรอบที่เกิดเหตุก็ยังมีกล้องวงจรปิดติดอยู่หลายตัว ก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบภาพด้วย เพื่อไขข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามทางลูกความตนได้แจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาททำให้เสียทรัพย์กับชนแล้วหนี แก่คู่กรณีด้วย ส่วนกรณีเรื่องชกต่อยทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นในส่วนนี้ก็เป็นสิทธิที่คู่กรณีจะแจ้งความแก่ลูกความตน แต่ยืนยันว่าในขณะเกิดเหตุที่ดาราหนุ่มทำร้ายร่างกายนั้นเนื่องจากต้องการป้องกันตัว ซึ่งระหว่างที่พูดคุยกันนั้นตัวคู่กรณีเองมีท่าทีคล้ายจะต่อสู้และอยากขอความเป็นธรรมให้ลูกความตนด้วย

ด้าน”น๊อต”อัครณัฐ กล่าวว่า สำหรับคดีจราจรที่ตนเป็นผู้เสียหายนั้นได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำในคดีที่ทางคู่กรณีแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกาย และขอยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่สื่อมวลชน เนื่องจากหากพูดไปก็จะเหมือนเป็นการพูดแก้ตัว

น๊อตกล่าวว่า ทั้งนี้ระหว่างสอบปากคำได้มีบุคคลปริศนาส่งข้อความมายังเบอร์โทรศัพท์ของตนในลักษณะด่าทอ ที่มีคำหยาบคาย รวมทั้งมีการขว้างปาสิ่งของเข้าไปในบ้านพักตนย่านเจริญกรุงอีกด้วย ซึ่งตนและครอบครัวได้รับผลกระทบและอยู่ระหว่างขั้นตอนการปรึกษากับทนายความว่าจะแจ้งความหรือไม่ ในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร

77

ต่อมาน.ส.สุธิรา แม่ของนายกิตติศักดิ์ สิงโต คู่กรณีของน๊อต เปิดเผยว่า ในส่วนกรณีที่ดาราหนุ่มแจ้งความดำเนินคดีกับลูกชายตนฐานขับรถโดยประมาททำให้เสียทรัพย์นั้น เบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธ เนื่องจากขณะเกิดเหตุมีแท็กซี่มาชนท้ายก่อนแล้วหน้ารถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวชนรถคู่กรณีโดยในครั้งนี้ฝ่ายตนได้แจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส บังคับขู่เข็ญและข่มขู่ ที่ให้กราบรถของคู่กรณี

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำคู่กรณีทั้งสองฝ่ายโดยทำการแยกสำนวนออกเป็นสองคดีแยกเป็นคดีจราจร และคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งคู่กรณีทั้งสองตกเป็นผู้กล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหาในคราวเดียวกัน โดยหลังจากนี้ตามขั้นตอนนั้นจะประสานฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุ รวมทั้งนำรถของคู่กรณีทั้งสองไปตรวจสภาพหาร่องรอยความเสียหายที่ กองบังคับการจารจร (บก.02) เพื่อนำมาประกอบสำนวน อีกทั้งรอผลตรวจร่างกายของนายกิตติศักดิ์ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาประกอบสำนวนก่อนดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของคดีจราจรทางพนักงานสอบสวนจะนัดตัวนายกิตติศักดิ์ มาอีกครั้งในวันที่ 28 พ.ย. เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนคดีส่งให้ทางพนักงานอัยการเพื่อลงความเห็นว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่

เรื่องน่าสนใจ