“ทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี” สวยสั่งได้! รายได้ต่อเดือนหลักล้าน

zaae1

“ภัทรานิษธ์ สุวรรณเกษการ” หรือ “ซาเอะ” วัย 22 ปี เจ้าของบริษัท Surgerydesign plastic surgery in korea

ในความเป็นจริงแล้ว บริษัท Surgerydesign plastic surgery in korea ไม่ใช่ทัวร์ศัลยกรรมแห่งแรกที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย แต่ความน่าสนใจของบริษัทนี้ อยู่ตรงที่เจ้าของธุรกิจ ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ วัยแค่ 22 ปีเท่านั้น แต่สามารถสร้างธุรกิจขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน แถมยังประสบความสำเร็จ สร้างรายได้หลักล้านให้แก่ตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ

“ภัทรานิษธ์ สุวรรณเกษการ” หรือ “ซาเอะ” คือเจ้าของบริษัท Surgerydesign plastic surgery in korea บริษัททัวร์ที่นำคนไทยบินไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี กับคลินิกชั้นนำที่ได้รับการยอมรับจากคนเกาหลีเอง

ในขณะนี้ ซาเอะยังเป็นนักศึกษาแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ชั้นปี 3 แต่เริ่มต้นทำธุรกิจจริงๆ ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

“ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่เรียนจบมัธยมปลาย ตอนนั้นสอบติดหมอแล้ว แต่ดรอปเอาไว้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจตัวเองว่าอยากเรียนอะไรกันแน่ พอดีกับได้รับทุนจากรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นไปเรียนทางด้าน Business จึงเลือกไปเรียนที่ญี่ปุ่นก่อน แต่พอไปเรียนจริงๆ แล้วมันก็เหมือนกับเขาสอนเราแต่ทฤษฎี การทำธุรกิจจริงๆ มันไม่ได้อยู่แต่ในห้องเรียน มันสำคัญที่ไอเดีย ไม่ใช่ว่าคนที่เรียนจบ Business แล้วจะหาเงินได้

จึงเริ่มคิดว่าเราน่าจะเลือกเรียนอะไรที่มันเป็นศาสตร์เฉพาะทาง เป็น Specialist จะดีกว่า ก็เลยกลับมาเรียนแพทย์ที่ศิริราช เพราะโดยส่วนตัวเราชอบเรียนอนาโตมี เนื้อหาที่เกี่ยวกับร่างกายอยู่แล้ว แต่พาร์ตของการทำธุรกิจเราก็ไม่ได้ทิ้ง ช่วงปิดเทอมเราก็ไปอยู่ที่เกาหลี มีเพื่อนอยู่ที่นั่น เทรนด์การทำศัลยกรรมในบ้านเราเองก็เริ่มมาแรงแล้ว แต่ก็ยังเทียบไมได้กับในเกาหลี เราก็เริ่มเกิดไอเดียที่จะให้คนไทยบินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี เพราะที่นี่มันเป็นต้นตำรับเรื่องศัลยกรรมอยู่แล้ว แล้วช่วงที่เรียนแพทย์ปี 1 มันเป็นการเรียนพื้นฐาน เนื้อหามันจะเริ่มยากจริงๆ ก็ช่วงปี 2 ไปแล้ว คาบเรียนก็ว่างเยอะ มันทำให้เรามีเวลาในการคิด และเซตอัพธุรกิจขึ้นมา เรามีความรู้ทางด้านการแพทย์อยู่แล้ว เรื่องความสวยความงาม เรื่องของวงการศัลยกรรมที่เกาหลีเราก็ศึกษามาอย่างดี

อีกทั้งยังมีเพื่อนอยู่ที่เกาหลีเยอะที่สามารถช่วยเหลือเราทางด้านข้อมูล และคอนเนกชันต่างๆ ได้ ต้องบอกว่าคลินิกทางด้านศัลยกรรมที่เกาหลีมีอยู่เยอะมาก แต่เราเลือกเฉพาะคลินิกดังๆ ที่มีชื่อเสียง เป็นคลินิกระดับที่ทำศัลยกรรมให้ดารา นักร้อง ของเกาหลีเท่านั้น เช่น JW Plastic Surgery, ID Plastic Surgery ตอนนี้เรามีพาร์ตเนอร์มากกว่า 10 แห่งอยู่ในมือ

เราก็ทำแผนธุรกิจเข้าไปเสนอผู้จัดการเลยว่าเราจะหาลูกค้าคนไทยมาให้คุณถึงที่โดยที่คุณต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เรา และต้องคิดราคาลูกทัวร์ของเราเท่ากับราคาที่คนเกาหลีทำด้วย ห้ามบวกเพิ่ม เพราะทางคลินิกเองก็ต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาทำการตลาดอยู่แล้ว แทนที่เขาจะเอาเงินไปลงกับการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ก็เอาเงินตรงนั้นมาแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ให้เราแทน ซึ่งโดยมากทุกคลินิกที่เราเข้าไปเสนอแผนการตลาด เขาก็เข้าใจ และตกลงเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับเรา”

zaae2

สำหรับขอบเขตการให้บริการของทัวร์ศัลยกรรมนั้น จะประกอบไปด้วย 2 แพกเกจใหญ่ คือ Design Package และ Surgery Package

“Design Package ก็คือ เราจะช่วยลูกค้าคิด ช่วยเขาออกแบบว่าควรจะทำศัลยกรรมอะไรบ้างที่มันเหมาะกับเขามากที่สุด โดยมากคนไข้จะมาเล่าปัญหาให้เราฟังว่ามีอะไรบ้าง หรือต้องการแก้ปัญหาในจุดไหน หรือเขาต้องการให้ใบหน้าที่ศัลยกรรมแล้วออกมาเป็นแบบไหน

จากนั้นเราก็จะให้ข้อมูลทางโรงพยาบาล และคลินิกต่างๆ แก่ลูกค้า ว่าแต่ละที่มีคุณหมอท่านไหนที่เก่งเรื่องอะไรบ้าง แล้วก็ช่วยเขาวิเคราะห์ ช่วยเขาดีไซน์ว่าควรจะทำศัลยกรรมอะไรในจุดไหนบ้าง เพื่อให้ได้ใบหน้าอย่างที่เขาต้องการมากที่สุด

เพราะรูปแบบการศัลยกรรมในเกาหลีมันมีเยอะมาก เป็น 100 วิธี เราก็ต้องเลือกสิ่งที่เหมาะที่สุด ทั้งใบหน้าและรูปร่าง อย่างเช่น เขาอ้วนมากแล้วเขาอยากผอมเลย เลยไปดูดไขมัน แต่กลายเป็นว่าผิวหย่อนยาน จะแก้ไขอย่างไร ด้วยวิธีไหน เราศึกษาเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี เรารู้ศัลยกรรมมันมีเป็น 100 ชนิด อะไรที่เหมาะกับเขา เราก็จะให้คำแนะนำว่าเขาควรจะทำอะไร ในกรณีที่เขาเลือกวิธีการ รวมถึงเลือกคุณหมอที่จะทำไม่ได้ เราก็จะต้องช่วยเขาตัดสินใจ โดยมากลูกค้าที่เลือกแพกเกจนี้จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 400,000 บาท ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะทำมากหรือทำน้อยแค่ไหน และเลือกใช้วิธีการแบบไหน

โดยมากจะเป็นการทำศัลยกรรมในแบบที่เมืองไทยยังไม่ค่อยชำนาญ อย่างการทำศัลยกรรมโครงหน้า ซึ่งโครงหน้าในที่นี้ไม่ใช่แค่การฉีดโบทอกซ์ หรือฉีดฟิลเลอร์ แต่เป็นการศัลยกรรมเลื่อนกราม หรือลดโหนกแก้ม เพื่อให้ใบหน้าเรียวสวย กลายเป็นรูปตัววี คุณหมอที่เกาหลีจะมีความถนัดในเรื่องนี้มาก

ส่วนแพกเกจที่ 2 คือ Surgery Package เป็นแพกเกจเหมาจ่าย ซึ่งศัลยกรรมที่คนไทยนิยมทำกันมากที่สุดก็คือจมูก คนไทยทำศัลยกรรมจมูกปีหนึ่งไม่ต่ำกว่าพันคน อันนี้คือสถิติเมื่อปี 2555

เราก็เข้าไปเจรจากับทางโรงพยาบาลหรือทางคลินิกเลยว่า ถ้าเราหาลูกค้ามาทำจมูกกับคุณได้เยอะ แต่คุณต้องให้ราคาเราเท่ากับคนเกาหลีนะ และต้องเป็นราคาที่ถูกกว่าในเมืองไทย คือถ้าที่ไทย หมอดังๆ ที่ทำจมูกให้กับดาราก็คือคุณหมอสมศักดิ์ ราคาจะอยู่ที่ 200,000-300,000 บาท

แต่ถ้าซื้อทัวร์บินไปทำกับเราที่เกาหลี ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 110,000 บาท ซึ่งจะได้จมูกที่ใช้เทคนิคเกาหลี เอาจมูกอ่อนหลังหูใบหูมาทำ ซึ่งจะทำให้จมูกโด่งสวยเหมือนดาราเกาหลี ซึ่งเทคนิคนี้ถ้าทำในเมืองไทยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาท เพิ่มเงินอีกแค่ 30,000 คุณได้ทำที่ออริจินัลเลยนะ แล้วหมอที่ทำก็ระดับเดียวกับที่ทำให้ดาราเกาหลีเลย

คือพูดง่ายๆ ว่า Design Package จะเป็นการทำศัลยกรรมยากๆ ที่เมืองไทยไม่มี หรือยังไม่ชำนาญ ในขณะที่ Surgery Package เป็นการทำศัลยกรรมที่ในไทยมีเยอะอยู่แล้ว แต่เราเพิ่มตัวเลือกให้แก่ลูกค้า เพราะว่าเทคนิคการทำศัลยกรรมพวกนี้มันเป็นของเกาหลี แล้วหมอไทยหลายคนก็ไปเรียนมาจากที่นั่น ถ้าคุณจะต้องจ่ายเงินในราคาที่ไม่ต่างกันมาก คุณไปทำกับออริจินัลเลย ผลลัพธ์มันจะดีกว่าไหม

ที่จริงแล้วในตอนแรกเราก็คิดถึงเรื่องการท่องเที่ยวอยู่เหมือนกัน เพราะไหนๆ ก็ไปถึงเกาหลีอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ คนที่ไปทำหน้าก็ไม่มีใครคิดอยากจะเที่ยวหรอก เขาไม่อยากจะออกไปเดินตากแดด ตากลม ส่วนมากก็แค่เดินออกนอกโรงแรมไปชอปปิ้งแถวๆนั้น เราก็เลยตัดเรื่องการท่องเที่ยวออกไป”

zaae3

สรุปแล้วในการซื้อทัวร์ศัลยกรรม จะมีค่าใช้จ่ายแบ่งออกเป็น 4 ส่วน 1. ค่าศัลยกรรมตามแพกเกจที่เลือก 2. ค่าตั๋วเครื่องบิน 3. ค่าล่าม และ 4. ค่าที่พัก

“จุดเด่นอย่างหนึ่งของบริษัทเรา ก็คือ ความยืดหยุ่นเรื่องค่าใช้จ่าย สิ่งเดียวที่ตายตัวคือราคาค่าศัลยกรรม สมมติค่าศัลยกรรมที่คุณเลือกทำราคา 9 ล้านวอน คุณจะต้องจ่ายค่ามัดจำให้เราก่อน 1 ล้านวอน เพื่อเราจะได้โอนตังค์ไปจองคิวคุณหมอเอาไว้ จากนั้นคุณก็เอาเงินที่เหลืออีก 8 ล้านวอนไปจ่ายที่คลินิกในวันที่ทำศัลยกรรมเลย

แต่ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เราไม่ได้บังคับ ตั๋วเครื่องบินจะให้เราจองให้ หรือคุณจะจองเองก็ได้ ที่พักก็เช่นเดียวกัน เลือกได้เลยว่าจะพักหรูหราใจกลางเมือง หรืออยากได้ห้องพักราคาประหยัด หรือถ้ามีเพื่อนอยูที่นั่น ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ตัดออกไป

ค่าล่ามก็เช่นเดียวกัน เราคิดวันละ 5,000 บาท แต่ถ้าให้ไปรับถึงที่สนามบินก็เพิ่มเป็น 10,000 บาท ถ้าเหมาทั้งทริปเลยก็ราคา 25,000 บาท แต่ถ้าคุณมั่นใจว่าภาษาอังกฤษคุณแข็งแรง สื่อสารกับคุณหมอรู้เรื่อง หรือมีเพื่อนเป็นคนเกาหลีที่ไปกับคุณได้ในวันทำศัลยกรรม คุณก็ตัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ออกไปได้เลย เราไม่บังคับ

แต่สิ่งที่คุณจะได้รับจากเราคือ การรับประกันหลังการขาย เราจะดูแลคุณตลอดทั้งทริป ในกรณีที่เกิดปัญหา หรือเกิดข้อผิดพลาด เราพร้อมจะติดต่อไปทางคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ทำศัลยกรรมให้คุณได้ทันที เพราะถ้าคุณจะรอติดต่อเข้าไปเอง รับรองได้ว่าทางนั้นเขาไม่เปิดอ่านอีเมลจากคุณเลยด้วยซ้ำ

และต้องทำความเข้าใจด้วยว่าการทำศัลยกรรมมันคือความเสี่ยง เคยมีอยู่เคสหนึ่งเขาแพ้ยา ซึ่งตัวลูกค้าเองก็ไม่รู้มาก่อน ก็โทร.ติดต่อมาที่เราตอนตี 2 ครึ่ง เราก็สามารถเข้าไปรับพาเขาไปส่งโรงพยาบาลได้เลยทันที”

zaae4

ที่จริงแล้วซาเอะเริ่มต้นทำธุรกิจทัวร์ศัลยกรรมมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นปี 1 มีประสบการณ์มาแล้วกว่า 3 ปี แต่เพิ่งมาขยายกิจการ โดยการเปิดเป็นรูปแบบบริษัทเมื่อต้นปี 2556 ที่ผ่านมานี้เอง เพื่อรองรับการขยายตัวของกิจการ และสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้ามากขึ้น

“เราไม่ใช่บริษัทแรกที่เปิดทัวร์ศัลยกรรมในเกาหลีขึ้น แต่เป็นบริษัทที่ 3 ในไทย จากตอนนี้ที่มีอยู่ 4 บริษัท แต่เราเริ่มต้นทำมาได้ 3 ปีแล้ว เพียงแต่เพิ่งมาจดทะเบียนในรูปแบบบริษัททีหลังเท่านั้นเอง

เราเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น อายุยังไม่ถึง 20 อาจจะดูแล้วขาดความน่าเชื่อถือ แต่เราก็อาศัยความจริงใจต่อลูกค้า เราเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ทั้งข้อมูลเรื่องแพทย์ เรื่องวิธีการทำศัลยกรรม รวมถึงเรื่องราคาที่เราไม่ได้ชาร์จลูกค้าเพิ่ม ให้ลูกค้าไปเช็กได้เลยว่าได้ราคาเดียวกับการวอล์กอินเข้าไปเอง แต่สิ่งที่ลูกค้าได้เพิ่มมาก็คือเรื่องการบริการ

และจุดเด่นอีกอย่างของเราคือ ด้วยความที่เรียนหมอมา ก็จะมีความรู้ความเข้าใจมากกว่าเจ้าหน้าที่ทั่วๆ ไปที่ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม ลูกค้าทุกคนจะต้องเข้ามาปรึกษากับเราก่อน ไม่เคยเชียร์ให้ลูกค้าทำอะไรที่นอกเหนือความจำเป็น

การที่เรายังเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย มันเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเราเริ่มต้นสร้างธุรกิจได้เร็ว เลี้ยงตัวเองได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่ข้อเสียคือ เรามีเวลาจำกัดในการรับนัดลูกค้า เหมือนกับตอนนี้เรายังทำการตลาดได้ไม่เต็มที่ เพราะถ้าจะจ้างคนอื่นมาทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแทนเราก็ไม่ไว้ใจ และอาจจะทำให้ลูกค้าไม่เชื่อถือ

ตั้งแต่เปิดเป็นรูปแบบบริษัทมาก็ทำให้ธุรกิจดีขึ้นเรื่อยๆ รายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายหลักของเราก็คือผู้ญิงทุกวัย เริ่มตั้งแต่อายุ 18 ไปจนถึง 60 ก็มี ฐานรายได้อยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป ผู้หญิงทุกคนยอมอดข้าวเพื่อเก็บตังค์ทำศัลยกรรม

เพราะสมัยนี้ความสวยมันกลายเป็นเรื่องจำเป็น กลายเป็นเทรนด์ของโลกยุคนี้ไปแล้ว ขนาดผู้ชายเองยังต้องไปฟิตเนสเพื่อรักษารูปร่าง และเริ่มหันมาทำศัยกรรมกันบ้างแล้ว การทำศัลยกรรมจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นของผู้หญิงยุคนี้ไปแล้ว และจะมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

และรูปแบบการทำศัลยกรรมก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วย ในสมัยก่อนคนเราจะอยากได้ความเป็นธรรมชาติ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองไปทำศัลยกรรมมา ต่างจากในสมัยนี้ ที่ลูกค้าโดยมากจะระบุมาเลยว่าอยากได้แบบ Make Over ให้รู้เลยว่าทำ แต่ขอให้สวยเหมือนดาราก็พอ แต่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัยของคนทำด้วย

แต่มีหลายครั้งเหมือนกันที่เข้ามาปรึกษา แต่สู้ราคาไม่ไหว หลังๆ มานี้ก็เลยเริ่มออกแพกเกจกลางๆ ที่ไม่แพงมากนัก อย่างการฉีดโบทอกซ์ หรือฟิลเลอร์ ที่ราคาเริ่มต้นแค่หลักหมื่นต้นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าออกไปให้กว้างขึ้น”

เมื่อถามถึงก้าวต่อไปของ Surgerydesign plastic surgery in korea ซาเอะบอกว่า เธอยังไม่สามารถลงมารุกด้านการตลาดได้เต็มตัวในตอนนี้ เพราะติดเรื่องเวลาเรียน ซึ่งการเรียนแพทย์เป็นอะไรที่หนักมาก คงต้องรออีก 3 ปีให้เรียนจบเสียก่อนถึงจะลงมารุกตลาดอย่างเต็มตัวได้ และตอนนี้ก็พอใจกับมาร์เกตแชร์ที่อยู่ในอันดับ 3 แล้ว

zaae5

ส่วนเป้าหมายต่อไปในอนาคตเมื่อเรียนจบ คือการเปิดคลินิกความงามครบวงจร อาศัยคอนเนกชันที่มีร่วมกับทางโรงพยาบาลและคลินิกที่เกาหลี ก็น่าจะสร้างจุดขายที่โดดเด่นให้แก่ธุรกิจขึ้นมาได้ไม่ยาก

ก็ต้องบอกว่า ซาเอะคือเถ้าแก่น้อยรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองจริงๆ ในถนนสายธุรกิจ

zaae6

zaae7

 

ขอบคุณที่มาจาก SMEs Plus , ผู้จัดการออนไลน์

เรื่องน่าสนใจ