ที่มา: Khaosod Online

จากกรณีที่มีประชาชนได้ร้องเรียนว่ามีผู้ประกอบการภาคเอกชนทำการก่อสร้างสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ อยู่บนแนวโขดหินหลังโรงแรม หน้าชายหาดยินยอม เขาพระตำหนัก ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งน่าจะเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ของสระดังกล่าวอยู่ในทะเล โดยวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าดำเนินการตรวจสอบนั้น

46

ล่าสุดวันนี้ (19 พ.ย.59) ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบนายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเมืองพัทยา ซึ่งรับผิดชอบในการดูแลพื้นที่น่านน้ำและชายฝั่งในเขตเมืองพัทยา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ก่อนได้รับการเปิดเผยว่าสำหรับกรณีของสระว่ายน้ำที่มีปัญหาแห่งนี้ได้รับทราบเรื่องจากการร้องเรียนมาระยะหนึ่งแล้ว และก็ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบมาตั้งแต่ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นพบว่าสระว่ายน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่บางส่วนของโรงแรม โดยปรากฏพบสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำเข้าไปในทะเล มีลักษณะเป็นโครงสร้างคอนกรีต และบางส่วนเป็นสระว่ายน้ำในพื้นที่ 26×30 เมตร หรือ 770 ตารางเมตร

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าสระว่ายน้ำดังกล่าวสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2538 ขณะที่ในส่วนของทางโรงแรมก็ได้มีการทำหนังสือขออนุญาตก่อสร้างจากเมืองพัทยา และมีการชำระภาษีมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามด้วยกฎหมายตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ในมาตราที่ 117 ได้ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเขาไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทยหรือบนชายหาดของทะเลดังกล่าวเว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากเจ้าท่าเสียก่อน ดังนั้นสิ่งปลูกสร้างนี้จึงถือเป็นการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า ซึ่งได้มีการแจ้งให้ทางโรงแรมรับทราบและได้รับแจ้งว่าจะปฏิบัติตามให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ด้วยเป็นความผิดที่เกิดขึ้นแล้วจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยได้ร่างหนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินคดีจากกรณีดังกล่าวซึ่งมีการร้องทุกข์กล่าวโทษไปยัง สภ.เมืองพัทยา ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งนี้คาดว่าคงอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานและชั้นของการสอบสวน

นายเอกราช กล่าวต่อไปว่าที่ผ่านมาทางสำนักงานเจ้าท่าได้ดำเนินการตามกฎหมายที่ดูแลอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตามกรณีนี้เกี่ยวพันกับกฎหมายหลายด้าน ทั้งเรื่องของสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่สาธารณะซึ่งเป็นส่วนที่ท้องถิ่นจะเข้ามาดูแลจัดการ โดยมีกฎหมายสำคัญอย่าง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งให้อำนาจไว้อย่างเต็มที่ ทั้งการปิดกั้นพื้นที่ การบังคับใช้กฎหมายในการระงับใช้หรือรื้อถอน นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโรงแรมกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเมืองพัทยาอยู่ในเขตควบคุมมลพิษด้วย

สำหรับกรณีเรื่องของพื้นที่ปัญหาซึ่งผู้ประกอบการระบุว่าสร้างมาเป็นเวลานานแล้ว และเจ้าของกิจ การปัจจุบันถือเป็นผู้ครอบครองรายใหม่ที่เทคโอเวอร์กิจการมาได้ไม่นาน โดยเฉพาะกรณีของพื้นที่ว่าจะอยู่ในเขตกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น ก็คงต้องมีการตรวจสอบที่แน่ชัดอีกครั้งหรือต้องต่อสู้กันตามขั้นตอนของขบวนการยุติธรรมต่อไป

เรื่องน่าสนใจ