การแพ้เครื่องสำอางนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยค่ะ และสามารถเกิดขึ้นได้ทันทีที่สัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ (Allergen) หรืออาจมีอาการเกิดขึ้นในภายหลังก็ได้ ผู้ที่แพ้สารใดแล้ว เมื่อสัมผัสกับสารนั้นเพียงเล็กน้อยก็จะเกิดการแพ้ขึ้นมาได้ สารที่พบว่าก่อให้เกิดการแพ้ได้บ่อยเป็นอันดับต้น ๆ คือ สารแต่งกลิ่นน้ำหอม(fragrance/perfume) รองลงมาได้แก่ สารกันเสีย (preservatives) และสารป้องกันแสงแดด (Sunscreens)
ถ้าเราสงสัยจะว่าจะเกิดอาการแพ้เครื่องสำอางชนิดไหน ให้หยุดใช้เครื่องสำอางชนิดนั้นก่อนทันทีถ้ามีหลายตัวให้หยุดใช้ตัวที่นำมาใช้ใหม่แล้วเกิดอาการก่อน ถ้าหยุดใช้แล้วอาการดีขึ้นก็อาจแสดงว่าเครื่องสำอางตัวนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้แพ้ค่ะ แต่ถ้ามีอาการแพ้มากมีผิวหน้าอักเสบอยู่ให้หยุดใช้เครื่องสำอางทุกชนิด งดใช้สบู่ สารฟอก โดยให้ทำการชำระล้างด้วยน้ำเปล่า หรือให้เลือกใช้สบู่ ยาสระผมปลอดกลิ่น ปลอดน้ำหอม อนุญาตให้ใช้แป้งเด็ก ลิปสติก (ถ้าไม่มีผื่นที่ปาก) เครื่องสำอางแต่งดวงตา (ถ้าไม่มีผื่นรอบดวงตา) เมื่ออาการผิวหนังอักเสบหายแล้วค่อยลองใช้ที่ละตัวเป็นอย่างๆไป ถ้าเกิดผื่นขึ้นให้ลองหยุดใช้ตัวที่ใช้สุดท้าย ถ้าอาการหายไปก็น่าจะเกิดการแพ้เครื่องสำอางนั้นๆ ถ้าอาการแพ้ยังไม่ดีขึ้นแนะนำว่าไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง อย่าฝืนใช้เครื่องสำอางหรือซื้อยาทาเองเนื่องจากอาจเกิดอันตรายมากขึ้นค่ะ
ถ้าเราทำการทดสอบเองแล้วยังหาสาเหตุการแพ้เครื่องสำอางไม่ได้ เมื่อเราไปพบแพทย์ แพทย์ผิวหนังจะมีการทดสอบทางผิวหนังโดยวิธีแพตช์เทสต์ (PATCH TEST) โดยจะใช้สารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางในความเข้มข้นที่เหมาะสม มาแปะติดลงบนแผ่นหลังของผู้ป่วยทิ้งไว้ 2 วัน แล้วกลับมาอ่านผล ถ้ามีอาการผื่นแดงขึ้นบริเวณที่ทดสอบ ก็แสดงว่าแพ้สารนั้นวิธีนี้มีประโยชน์กับเราในการที่จะเลือกซื้อเครื่องสำอางครั้งต่อไปค่ะ จะได้เลือกเครื่องสำอางที่ไม่มีสารที่แพ้ผสมอยู่เช่น ถ้าทดสอบแล้วพบว่าแพ้น้ำหอมเมื่อจะซื้อเครื่องสำอางก็ควรเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำหอม หรือมีน้ำหอมน้อยซึ่งอาจจะเขียนว่า NO PERFUME หรือ FRAGRANCE FREE ก็ได้ค่ะ
Credit : www.tsgclub.com, www.beauty-veiw.com