ที่มา: dodeden

ภายหลังจากหน่วยงานต่างๆ พากันไป “อภัยภูเบศร”ล่าสุด “สภาปฏิรูปฯ” ลงพื้นที่ปราจีนบุรี ดูคืบหน้า “เมืองสมุนไพร” เอ่ยปากชม “อภัยภูเบศร” พี่เลี้ยงพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรเกษตรอินทรีย์รายได้เพิ่ม ชูเป็นโมเดลประเทศ

โดยกำหนดให้ จังหวัดปราจีนบุรี ประกาศความพร้อมเป็นเมืองสมุนไพร ของประเทศ มีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่มีความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาสมุนไพรเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินงาน และเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พาคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

จนนำไปสู่นโยบายการพัฒนาสมุนไพรให้เป็นหน้าตาของประเทศ โดยยกให้โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นต้นแบบการพัฒนาสมุนไพรและตั้งเป้าหมายเพิ่มผลผลิตทางการตลาดและการส่งออกให้เติบโตแบบก้าวกระโดด

คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม นำโดย รศ.พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ลงพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและยาสมุนไพร

ตามทิศทางการปฏิรูปประเทศ ที่ต้องการเห็นการพัฒนาเมืองสมุนไพรและเมืองสุขภาพให้เป็นรูปธรรม คณะเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

โดยมี นายแพทย์จรัญ บุญฤทธิการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการฯ ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปการดำเนินงาน ตามทิศทางการปฏิรูปที่ได้รับนโยบายไว้ พร้อมความคืบหน้าเมืองสมุนไพร Herbal city และความพร้อมการเป็นผู้นำเมืองสุขภาพของประเทศ Wellness city

จากนั้น พาคณะเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงาน ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองศาลาไทย หน่วยให้บริการผสมผสาน สร้างโอกาสเข้าถึงบริการในทุกมิติสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาระบบการบริการการแพทย์แผนไทย

เริ่มจากมีคลินิกเบาหวานที่ผู้ป่วยเบาหวานรับยาสมุนไพร พบว่ามีผู้ป่วยถึงร้อยละ 80 ที่ไม่ต้องเพิ่มยามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และปัจจุบันได้มีการเปิดตรวจรักษาและจ่ายสมุนไพรในโรคอื่นๆ เพิ่มเติม

นับเป็นการช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการด้านการแพทย์แผนไทย และยังช่วยลดความแออัดในการรอรับบริการในโรงพยาบาลใหญ่ได้ ต่อจากนั้น คณะได้เข้าเยี่ยมชมแปลงปลูกสมุนไพรชุมชนบ้านดงบัง เกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ตามวิถีเศษฐกิจพอเพียง การสร้างความมั่นคงจากต้นน้ำโดยอภัยภูเบศร ได้ให้ความรู้และแนวทางกับกลุ่มเกษตรอินทรีย์เพื่อลดการใช้เคมี สร้างการมีสุขภาพดีทั้งคนปลูกและผู้บริโภค

โดยชุมชนดงบังเป็นกลุ่มเกษตรอินทรีย์กลุามแรกที่ร่วมเป็นเครือข่ายปลูกวัตถุดิบสมุนไพรส่งให้มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ภายใต้การรับรองโดยมาตรฐาน IFOAM

นอกจากนี้ยังได้พาคณะเข้าเยี่ยมชมอภัยภูเบศรเวชนครเขาใหญ่ แหล่งรวมพืชพันธุ์หายาก พร้อมทั้งให้คณะกรรมาธิการ ร่วมปลูกต้นพันธุ์สมุนไพรหายากด้วย

โดยทาง นายแพทย์จรัญ  กล่าวภายหลังว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้ขอบคุณทีมงานโรงพยาบาลฯ ที่ได้สร้างมรดกไว้ให้แผ่นดิน นอกจากนี้ยังสนใจเรื่องรายได้และผลตอบแทนของเกษตรกรที่เพิ่มมากขึ้นจากการพัฒนามาตรฐานการปลูกสมุนไพรในรุปแบบของเกษตรอินทรีย์ ซึ่งถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาสมุนไพรของประเทศ ที่เป็นหัวใจหลักในการนำพาประเทศไทย ไปถึง 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล

พอจบจากงานนี้ปุ๊บ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2560 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จัดนิทรรศการนำเสนอผลการดำเนินงานภายใต้หัวข้อ “นวัตกรรมสมุนไพรไทย .. กุญแจสู่ความสำแร็จของอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย”

โดยก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบูทนิทรรศการตามบูทต่าง ๆ พร้อมรับฟังถึงความก้าวหน้าตลอดจนปัญหาที่พบ โดยรับปากจะนำไปดำเนินการแก้ไขให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อการพัฒนาสมุนไพรของไทยจะได้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และเมื่อถึงบูทของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากสมุนไพรไทย นายกรัฐมนตรี สนใจชาตัวหอม ซึ่งเคยสร้างชื่อมาแล้วเมื่อครั้งที่ร่วมงานตลาดคลองผดุง

โดยนายกรัฐมนตรีได้ดื่มชาตัวหอม พร้อมกับชมว่า หลังจากที่สั่งการและมอบหมายให้โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นต้นแบบในการพัฒนางานวิจัยโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ซึ่งในเวลาเพียงไม่กี่เดือน อภัยภูเบศร สามารถพัฒนาผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และมองเห็นหนทางเติบโตของตลาดสมุนไพรได้

สำหรับการเรียกประชุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก รัฐบาลได้กำหนดแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย พ. ศ.2560-2564 เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์คือ 1.ส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ2.พัฒนาอุตสาหกรรม และการตลาดสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพระดับสากล 3.ส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทยเพื่อการรักษาโรค และสร้างเสริมสุขภาพ 4.สร้างความเข้มแข็งของการบริหารและนโยบายของภาครัฐเพื่อการขับเคลื่อนสมุนไพรไทยอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ยังได้ จัดทำแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปีรองรับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 กำหนดการพัฒนาเมืองสมุนไพรต้นแบบใน 4 จังหวัดคือปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี เชียงราย และสกลนคร และสร้างอภัยภูเบศร บิสสิเนส โมเดล เป็นต้นแบบการยกระดับธุรกิจสู่สากล มุ่งเน้นให้ประชาชนไทยใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น

 การจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ อภัยภูเบศรได้ชูโมเดลธุรกิจสปาภูมิปัญญาไทย ผสมผสานบริการและผลิตภัณฑ์สมุนไพร  อิงทฤษฎีการแพทย์แผนไทยศาสตร์เจ้าเรือน โดยเป็นการให้บริการที่เน้นปรับสมดุลโครงสร้างร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และระบบขับถ่าย โดยเน้นใช้ศาสตร์เจ้าเรือนและองค์ความรู้สมุนไพรมาประกอบ เพื่อสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจสปาไทย 

นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นการทำงานเป็นเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งด้านของงานวิจัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ร่วมผนึกกำลังพัฒนาธุรกิจและบริการสมุนไพรให้เติบโต ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 สร้างความมั่นคงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายทาง กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศเติบโตแบบก้าวกระโดด

“หลังรับนโยบายจากท่านนายกรัฐมนตรี อภัยภูเบศรได้ดำเนินการตามแนวทางที่ได้รับมอบหมาย และพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ให้ทันสมัย มีความพร้อมก้าวสู้ความเป็นผู้นำเมืองสุขภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่มกำลังการซื้อช่วยชาวนาในหลากหลายมิติ

อาทิ การพัฒนาสมุนไพรในรูปแบบอาหารเสริมน้ำมันรำข้าวจมูกข้าวเกษตรอินทรีย์ การพัฒนานวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น เค้กดาวเรืองบำรุงจอประสาทตา น้ำสามดอกไม้บำรุงสายตาบำรุงหัวใจ รวมถึง การพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์สปาจากภูมิปัญญาไทย “ตัวหอม” และพืชหอม “สะเลเต” ซึ่งนำมาแสดงครั้งนี้เป็นที่แรก” นายแพทย์จรัญ กล่าว

ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญมาก เพราะผู้นำประเทศได้ให้ความสำคัญ และ เร่งรัดงานด้าน สมุนไพรไทยเพื่อการรักษาโรค และสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งได้เน้นย้ำมาตลอด รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ก็ขานรับ ส่งบุคลากรไปศึกษาดูงาน ซึ่งกรมไหนยังไม่พาไปดูงาน ต้องรีบด่วน จะได้เร่งทำให้เมืองสมุนไพร Herbal city  เป็นจริง

ฝากไปทาง ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการฯ  ด้วยว่า “ความคาดหวัง” ของรัฐบาล และ ประชาชนอยู่ที่ตัวของ “คุณหมอต้อม” และ ทีมงาน มากมายจริงๆ หากทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว จะสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล !

นายกลุงตู่ฝากมาบอก “เจ็บป่วยคราใด ใช้ยาไทย ก่อนไปพบแพทย์” ด้วยนัยว่า อยากให้ประชาชนคนไทย มีความสนใจ ใส่ใจ เข้าใจ ในการเลือกหยิบใช้สมุนไพร ยาไทยใกล้ตัวเพื่อดูแลอาการเจ็บป่วย เล็กๆน้อยๆ ก่อนไปพบแพทย์ ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ถ้าคนไทยดูแลตนเองได้ พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนประเทศชาติก็ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาไปได้มากโขทีเดียว นะคะ

 

เรื่องน่าสนใจ