เกริ่นนำโดย โดดเด่นดอทคอม
ในสังคมปัจจุบัน นอกเหนือจากเพศชาย และเพศหญิงแล้ว เราเริ่มเห็นเพศอื่นๆ กันมากขึ้นและชัดเจนขึ้น นั่นเพราะส่วนหนึ่งสังคมเริ่มเปิดกว้างและยอมรับในรสนิยมทางเพศที่หลากหลายมากขึ้น แต่ก็ยังมีกลุ่มสังคมไม่น้อยที่ยังไม่ยอมรับในความหลากหลายนี้ และยังคงยึดติดว่ามนุษย์โลกนี้มีเพียงสองเพศคือชายและหญิงเท่านั้น แม้ว่าทางการแพทย์ได้ศึกษาแล้วว่าเรื่องรสนิยมทางเพศนอกเหนือจากชายหญิงนั้นนั้นเป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ ซึงทาง “ครูเคท” ครูสอนภาษาอังกฤษชื่อดัง ได้เขียนบทความในเรื่องดังกล่าวไว้ใน คนดังนั่งเขียน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ น่าสนใจหรือมีประเด็นไหนน่าฉุกคิดกันบ้าง ..ลองเปิดมุมมองแล้วไปอ่านกันดูครับ
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน วันก่อนครูเคทนั่งดูทีวีแบบเบื่อๆ เพราะช่องมันเยอะเหลือเกิน กดรีโมตไปมาไม่รู้จะดูอะไรดี ก็เลยได้เห็นภาพที่สะท้อนสังคมไทยและความเข้าใจผิดของคนไทยอยู่เรื่องหนึ่งนั่นคือ ในทีวีไทย และ ในสังคมไทย ชอบเอาความแตกต่างทางเพศของคนมาล้อเลียนให้กลายเป็นตัวตลกขบขัน ดูแล้วเลยอยากจะตะโกนบอกคนไทยดังๆ ว่า คนที่เขาเป็นเกย์เป็นตุ๊ดนั้น เขาไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย ธรรมชาติได้กำหนดให้เขาเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกเกิด
ผู้คนบนเกาะบูกิส ประเทศอินโดนีเซีย นับว่าเป็นกลุ่มคนที่หัวสมัยใหม่ล้ำหน้าผู้คนทั้งโลกมาตั้งแต่โบราณ เพราะบนเกาะนี้ เขามีการกำหนดเป็นกฎหมายและสั่งสอนลูกหลานให้รับรู้และเข้าใจไปเลยว่าบนโลกใบนี้ มนุษย์เรามีได้ 5 เพศ คือ
1. เพศชาย
2. เพศหญิง
3. เพศบิซซู (คนที่เกิดมาพร้อมอวัยวะเพศหญิงและชายในคนเดียวกัน)
4. เพศคาลาไบ (คนที่เกิดมาพร้อมอวัยวะเพศชายแต่ใจเป็นหญิง) และ
5. เพศคาลาไล (คนที่เกิดมาพร้อมอวัยวะเพศหญิงแต่ใจเป็นชาย)
ไม่มีพ่อแม่คนไหนกลุ้มอกกลุ้มใจว่าลูกฉันจะเป็นเพศอะไร เพราะด้วยความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์อย่างแท้จริงนั่นเอง
วงการแพทย์ในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ จิตแพทย์และนักจิตวิทยาในปัจจุบัน จะไม่ช่วยแก้ไขให้คนฝืนธรรมชาติ แต่จะช่วยให้คนๆ นั้นยอมรับตัวตนที่แท้จริง รวมทั้งช่วยปรับทัศนคติของญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและคนในสังคมให้เข้าใจกันใหม่ให้ถูกต้องด้วย
ก่อนอื่นครูเคทขออธิบายก่อนว่าปัญหาอัตลักษณ์ทางเพศของคนเรานั้น ส่วนหนึ่งถูกธรรมชาติกำหนดมาแล้ว แก้ไขไม่ได้ แต่อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการเลี้ยงดูจากที่บ้าน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งอัตลักษณ์ทางเพศที่เกิดจากสาเหตุหลังอาจจะยังพอเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง
กลุ่มที่ถูกธรรมชาติกำหนดมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้อธิบายว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของยีนที่เกิดจากกระบวนการอื่นนอกเหนือการเปลี่ยนแปลงลำดับดีเอ็นเอ หรือที่เรียกว่า “อิพิเจเนติกส์ (epigenetics)” โดยมีตัวควบคุมข้อมูลหรือการแสดงออกหรือการประพฤติตัวของยีน เรียกว่า “epi-marks” ซึ่งจะควบคุมไม่ให้ตัวอ่อนได้รับเทสโทสเทอโรนมากหรือน้อยเกินไป
ปกติตัวควบคุม epi-marks นี้จะถูกลบออกไปเมื่อทำหน้าที่ในการควบคุมการแสดงออกของยีนเสร็จแล้ว จะไม่ส่งต่อไปยังรุ่นลูกหลาน แต่ในธรรมชาติก็มักจะมีอะไรเพี้ยนๆ ไปบ้าง บางคน epi-marks นี้ไม่ถูกลบไป และดันถูกส่งต่อจากพ่อสู่ลูกสาว และจากแม่สู่ลูกชาย ก็เลยทำให้ลูกสาวมีความเป็นชายสูงและลูกชายมีความเป็นสาวสูงนั่นเอง
นอกจากนี้ หากในช่วง 4-8 สัปดาห์ที่แม่ตั้งครรภ์เกิดระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนสูงเกินไป ตัวอ่อนเพศชายจะมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นคนก้าวร้าว ส่วนตัวอ่อนเพศหญิงจะไม่ก้าวร้าว แต่จะมีขนดก หากระดับเทสโทสเทอโรนของแม่ต่ำเกินไป ตัวอ่อนเพศชายจะมีแนวโน้มที่จะเป็นสาวหรือเป็นตุ๊ดสูง รู้อย่างนี้แล้ว คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรทำจิตใจใสผ่องใส ฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์จะได้สมดุล
กลุ่มที่ผิดเพศจากการเลี้ยงดู สภาพครอบครัว สังคมและสิ่งแวดล้อม กลุ่มนี้เกิดมามีเพศตามธรรมชาติกำหนดให้ตามปกติ แต่มีปัจจัยทางจิตทำให้เกิดการเบี่ยงเบน เช่น พ่อก้าวร้าวทำร้ายลูกทำร้ายแม่ ลูกชายอาจมีปมฝังใจทั้งรู้สึกตัวและไม่รู้สึกตัว ทำให้ชายกลุ่มนี้มีแนวโน้มกลายเป็นเกย์คิงค่อนข้างมาก เพราะการมีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกันเอง นอกจากจะเป็นการชดเชยความต้องการความรักความอบอุ่นจากพ่อ (ที่พ่อไม่เคยให้) แล้ว ยังเป็นเสมือนการลงโทษพ่อ หรือแสดงอำนาจเหนือพ่อด้วย คล้ายๆ ส่วนพ่อที่ไม่ได้ก้าวร้าวทำร้ายลูกเมีย แต่เย็นชา ไม่พูดคุยหรือแสดงออกทางความรักกับลูก ไม่สัมผัสลูก ลูกมักกลายเป็นเกย์ควีนค่ะ
นอกจากนี้ เด็กทั้งหญิงและชายที่ไม่ได้รับความสนใจจากพ่อแม่ อาจทำตัวเป็นตุ๊ดแต๋วเพื่อเรียกร้องความสนใจในหมู่เพื่อนและกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน เป็นบุคลิกภาพติดตัวถาวรเพราะไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนกลับไปเป็นชายจริงหญิงแท้ได้อย่างไร ทอมบางคนเป็นทอมเพราะรู้สึกว่าตนเองไม่สวยพอจะดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้าม เคสทอมที่ครูเคททำ counseling จำนวนมาก เกิดจากพ่อโหดก้าวร้าวตบตีลูกเมียหรือไม่ก็เจ้าชู้จนแม่น้ำตาตก จึงทำให้หญิงกลุ่มนี้กลายเป็นทอมเพราะต้องการปกป้องเพศแม่ บางคนก็เป็นเพราะแม่ไม่เคยแสดงออกว่ารักหรือสัมผัส จึงโหยหาการสัมผัสจากคู่ที่เป็นหญิง ฯลฯ
สาเหตุเหล่านี้ ครูเคทแค่ยกมาเป็นตัวอย่างนะคะ เพราะปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกเกิดมาเป็นตุ๊ดแต๋วซะแล้ว ก็ให้รักลูกมากๆ ยอมรับในตัวตนตามธรรมชาติของเขา เพราะเขาได้ถูกธรรมชาติกำหนดมาแล้วอย่างนั้น อย่าไปทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจลูกเพื่อที่จะให้เขาเปลี่ยนมาเป็นอย่างที่พ่อแม่ให้เป็นเลยค่ะ เพราะลูกจะเหมือนตกนรกทั้งเป็นด้วยกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ และพ่อแม่ก็บาปด้วยที่ไปทำให้จิตใจของลูกเป็นทุกข์
