เด็กไทยในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มพฤติกรรมก้าวร้าวไม่เข้าสังคม และการเข้าสู่โลกดิจิตอล ทำให้วิถีชีวิตของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เด็กๆ ตกอยู่ท่ามกลางความรวดเร็ว ความเร่งรัด
จากผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 90 ของแม่ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มองว่า ความฉลาดทางอารมณ์ ( EQ ) มีความสำคัญพอๆ กับความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่า ทักษะสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคตของเด็กยุคใหม่ อันดับ 1 คือ ความสามารถในการปรับตัว 58% อันดับ 2 ความสามารถในการแก้ปัญหา 47% และ อันดับ 3 พึ่งพาตนเองได้ 46%
ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า นักวิจัยจาก Pennsylvania state university และ Duke University ตามเก็บข้อมูลจากเด็กๆ กว่า 700 คน ทั่วสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วัยอนุบาลจนถึงอายุ 25 ปี พบว่ามีความสัมพันธ์ที่น่าสนใจระหว่างทักษะทางสังคมเมื่อเป็นเด็กอนุบาล
และความสำเร็จเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ในยี่สิบปีต่อมา เด็กที่มีความสามารถในการเข้าสังคม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ช่วยเหลือผู้อื่นเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น และแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง มีแนวโน้มที่จะเรียนจบระดับปริญญาและมีงานประจำภายในอายุ 25 ปี มากกว่าเด็กที่มีความสามารถทางสังคมจำกัด
รศ.นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า ผลจากการสำรวจต่างๆเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่า ความฉลาดทางความคิดควบคู่ไปกับความฉลาดด้านอารมณ์เป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต พ่อแม่มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตได้ตั้งแต่ช่วงวัยทารก
เริ่มตั้งแต่ด้านโภชนาการ ซึ่ง “นมแม่” นับเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมองของลูก เพราะมีสารอาหารสำคัญ ได้แก่ ดีเอชเอ (DHA), เออาร์เอ (ARA) และ เอ็มเอฟจีเอ็ม (MFGM) เยื่อหุ้มอนุภาคไขมัน ซึ่งอุดมด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด
งานวิจัยชี้ว่า เด็กที่ดื่มนมเสริม เอ็มเอฟจีเอ็ม (MFGM) และดีเอชเอ (DHA) จะมีพัฒนาการทางด้านสติปัญญา และสมอง ใกล้เคียงกับเด็กที่ดื่มนมแม่และดีกว่าเด็กที่ ดื่มนมที่มี DHA เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ เช่น มีสมาธิจดจ่อมากขึ้น ไม่ก้าวร้าวและมีอารมณ์ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในกรณีที่คุณแม่มีน้ำนมไม่เพียงพอก็ควรหาผลิตภัณฑ์นมที่มีสารอาหารใกล้เคียงนมแม่มาช่วยเสริมในการดูแลลูกน้อย เพราะสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการประมวลความคิดและการแสดงออกทุกอย่าง
พ่อแม่มือใหม่ มิค บรมวุฒิ และ เบนซ์ พรชิตา แชร์เคล็ดลับเลี้ยง “น้องปริม” ว่า “เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องโภชนาการมาก เพราะโภชนาการที่ดีมีส่วนสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างสมองและสติปัญญาของลูก และเราก็รู้ว่านมแม่ดีที่สุด เบนซ์เลยตั้งใจให้นมแม่ให้นานที่สุด
ยิ่งทราบว่าตอนนี้มีนมที่มีสารอาหารพัฒนาสมองอย่าง MFGM และ DHA ที่พบในนมแม่มาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการพัฒนาสมองทั้งความคิดและความฉลาดด้านอารมณ์ โดยเฉพาะช่วง 3 ขวบปีแรก จึงเป็นโอกาสทองของเราที่จะดูแลน้องปริมอย่างเต็มที่ เพราะเราเชื่อว่าเด็กที่คิดเก่ง และคิดดีจะช่วยให้ลูกอยู่ในโลกยุคดิจิตอลได้ดีค่ะ”
ด้านคุณพ่อนักดนตรีลูก 3 สิงโต นำโชค และภรรยาคนสวย มาเลีย บอกถึงวิธีดูแล “น้องไค” และฝาแฝด “น้องคาเน และ น้องคาเลโอ” ว่า “ลูกเหมือนของขวัญอันล้ำค่าของเรา ตอนนี้ลูกทั้ง3 เข้าสู่วัยเรียนรู้ เราเน้นการเลี้ยงดูและได้รับโภชนาการที่ดี
ซึ่งวัยนี้สมองจะพัฒนาสูงสุด อะไรที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา และความฉลาดทางด้านอารมณ์ ผมและภรรยาจะสนับสนุนเต็มที่ เริ่มต้นจากการเลือกสารอาหารที่มีประโยชน์ ง่ายๆ
เช่น นมที่มี DHA และ MFGM ที่มีส่วนช่วยพัฒนาสมอง ควบคู่ไปกับการสอนให้ลูกมีสมาธิจากการร้องเพลง วาดรูป, เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ส่วนในอนาคตเขาอยากจะเป็นอะไรก็ได้ตามใจเขา แต่ที่สำคัญที่สุดคืออยากให้เขาอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขก็พอครับ”