ท่ามกลางเหตุร้ายยังมีเรื่องราวดีๆ เราได้เห็นน้ำใจคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือทุกรูปแบบ เท่าที่จะทำได้ ทั้งในช่วงระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ
ภาพชายคนหนึ่งกำลังแบกร่างหญิงสาวที่โดนสะเก็ดระเบิด ขณะเดินอยู่บนสกายวอล์กสี่แยกราชประสงค์ ทั้งที่แค่เดินผ่านมา และไม่รู้จักกัน ผู้ชายคนนี้ก็พยายามพาผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลตำรวจ เป็นหนึ่งในภาพจำที่พี่ยอด จากมูลนิธิกู้ภัยที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ประทับใจ เขาเล่าว่า พลเมืองดีที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจำนวนมาก เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง เฉพาะตรงจุดฐานศาลพระพรหมพบผู้บาดเจ็บกว่า 20 ราย เขาเห็นภาพคนรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ โดยไม่มีใครกลัวว่า จะเกิดระเบิดซ้ำขึ้นอีกหรือไม่
เอก ฉิมขำ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างแยกราชประสงค์ วันนี้เขาวิ่งรถรับส่งผู้โดยสารตามปกติ เล่าว่า คืนที่เกิดเหตุกำลังรอผู้โดยสาร ได้ยินเสียงระเบิด จึงวิ่งหลบหลังเสา เห็นลูกไฟสว่างมาก ตัดสินใจวิ่งเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บทันที หลังได้ยินเสียงกรีดร้อง แม้ตัวเองจะตกใจกับเหตุการณ์มากเช่นกัน
“วันที่เกิดเหตุเป็นวันจันทร์ ปกติ กทม.จะห้ามขายของบนทางเท้า ผู้ค้าพวงมาลัยที่ปกติจะขายบนทางเท้าเหล่านี้ ก็ปรับเปลี่ยนมาเร่ขายให้นักท่องเที่ยวแทน ซึ่งหลังเกิดเหตุระเบิด เราได้เห็นน้ำใจ เพราะแม่ค้าทุกคนได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันทีหลังเกิดเหตุระเบิด”
แม่ค้าขายพวงมาลัยสี่ที่นี่เล่าว่า เคราะห์ดีที่ทุกวันจันทร์ ห้ามผู้ค้าค้าบนทางเท้า จึงไม่มีผู้ค้าพวงมาลัยเสียชีวิต มีเพียงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย นาทีนั้นเธออยู่ในรั้วศาลพระพรหมพอดี และเป็นอีกหนึ่งแรงที่เข้าไปช่วยผู้เคราะห์ร้าย
ส่วนที่สภากาชาดไทย หลังเกิดเหตุ 2 วันแล้ว ยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ตั้งใจมาบริจาคเลือด แม้จะต้องรอคิวนานหลายชั่วโมง
ท่ามกลางแรงระเบิดและควันไฟ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่รอดชีวิต ยังคงเล่าเรื่องราวถึงความน่ากลัว คิดว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ในเรื่องร้าย ยังมีเรื่องดีที่พวกเขาจดจำ น้ำใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่มาประสบเคราะห์กรรมอยู่ตรงหน้า