แครอทเป็นผักหรือผลไม้? แครอทเป็นผัก เพราะแครอทคือส่วนของราก ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพืชนั่นเอง แครอทจึงไม่ใช่ผลไม้
แครอทเป็นพืชหัวที่มีคุณค่าโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะมีเบต้าแคโรทีนสูง แครอทในปริมาณ 1 ถ้วยตวง ให้เบต้าแคโรทีนถึง 16,679 IU ร่างกายคนเราเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอ ซึ่งช่วยบำรุงสายตา รักษาอาการสายตาพร่ามัวได้ แคโรทีน ช่วยต้านโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ นอกจากนั้นยังช่วยล้างหรือขจัดพิษออกจากร่างกายทำให้ผิวพรรณดี
ช่วยปกป้องผิวห่างไกลสิว
อย่างที่ทราบแล้วว่าน้ำแครอทเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสารตัวนี้แหละที่จะช่วยรักษาสิว และวิตามินเอในน้ำแครอท จะช่วยปรับค่าพีเอชในผิวให้สมดุล ยิ่งถ้าหากนำน้ำแครอทไปผสมกับน้ำผึ้งแล้วดื่ม จะยิ่งช่วยรักษาสิวได้ดี แถมยับยั้งไม่ให้เกิดสิวใหม่ด้วยนะ
ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์
อย่างที่รู้แล้วว่าน้ำแครอทมีสารต้านอนุมูลอิสระ และสารอาหารมากมาย ซึ่งจะช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนกว่าวัย สำหรับสาววัยกำลังขึ้นเลข 3 ที่เริ่มกังวลเรื่องริ้วรอยบนผิว ก็ลองดื่มน้ำแครอทกันไว้ก่อนดีกว่า เพราะน้ำแครอทช่วยเติมคอลลาเจนสู่ผิว ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ เชื่อสิว่าหากดื่มน้ำแครอททุกวัน ริ้วรอยต่าง ๆ ที่ควรจะมาพร้อมอายุ ก็จะไม่มากวนใจคุณแน่นอน
ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส
ในน้ำแครอทอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเอ ที่จะช่วยบำรุงให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ รู้แบบนี้แล้วลองเลือกดื่มน้ำแครอททุกวัน เพื่อเป็นการสตาร์ทสู่ผิวสุขภาพดีดูสิคะ แถมมันยังช่วยล้างสารพิษในร่างกายที่เป็นต้นเหตุทำให้ผิวหมองได้อีกด้วย
ช่วยรักษารอยสิว
ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเอที่มีอยู่มากมายในน้ำแครอท จะช่วยรักษารอยสิว และรอยแผลเป็นที่หายยากให้จางลงไปได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำน้ำแครอทผสมกับน้ำผึ้ง จากนั้นนำมามาส์กไว้ให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้รอยสิวก็รักษาได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อเลเซอร์เลย
ช่วยลดอาการผมร่วง
ใครที่มีปัญหาผมหลุดร่วงบ่อย จนอาจกังวลใจว่าหัวจะล้านในอนาคต ลองหาน้ำแครอทมาดื่มทุกวันดูสิคะ เพราะน้ำแครอทอุดมไปด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยให้ผมแข็งแรง และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ซึ่งจุดนี้แหละที่จะช่วยยังยั้งปัญหาผมหลุดร่วงได้อยู่หมัด
ดื่มน้ำแครอทมากเกินไป
สารเบต้าแคโรทีนส่วนเกินจะถูกร่างกายนำไปสะสมกับไขมัน ทำให้ผิวเหลืองได้ (โดยไม่เป็นโรคแต่อย่างใด) โดยทั่วไปจึงนิยมผสมกับน้ำผักหรือน้ำผลไม้อื่นๆ ในอัตรา 3 ต่อ 1 ส่วน อาจใช้แปรงที่ขัดผิวให้สะอาดเท่านั้นพอ โดยทั่วไปควรปอกแครอมก่อนมาคั้นน้ำ
ขอบคุณที่มา frynn.com, kapook.com, saunawell.com
