ที่มา: Prachachat.net

โยมิอุริ ชิมบุน รายงานว่า บริษัทญี่ปุ่นมีการจ้างงานแรงงานที่อายุสูงกว่า 65 เพิ่มขึ้น หลังมองเห็นคุณค่าจากการจ้างงานเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก และยังมีเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ให้กับบริษัท แม้ว่ายังมีเด็กจบใหม่ที่พร้อมเข้าทำงานกับบริษัทเป็นจำนวนมาก 

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา บริษัท ไดวา เฮาส์ อินดัสตรี ได้ประกาศระบบการจ้างงานแบบใหม่ ที่จะต่ออายุสัญญาการจ้างงาน และไม่มีกำหนดอายุที่พนักงานต้องเกษียณ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปสามารถต่อสัญญากับบริษัทในรูปแบบงานพาร์ตไทม์ได้ และต้องเข้ามาทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน เพื่อแลกกับรายได้ 200,000 เยนต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้โบนัสมูลค่าราวครึ่งหนึ่งของพนักงานประจำด้วย โดยหลังจากที่ประกาศนโยบายนี้ มีพนักงาน 9 คน จาก 30 คนที่เกษียณอายุในปีนี้ ทำงานกับบริษัทต่อไป 

114

ขณะที่บริษัททรัสโก นากายามา คอร์ป ได้แก้ไขเกณฑ์อายุที่ต้องเกษียณจาก 63 ปี เป็น 65 ปี และเงื่อนไขพนักงานที่ทำงานหลังเกษียณอายุจากเดิม 65 ปี เป็น 70 ปี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานในเรื่องความมั่นคงในหน้าที่การงาน ส่วนบริษัท โตคิว ไลฟเอเบิล บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ประกาศระบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้พนักงานที่มีศักยภาพสามารถทำงานต่อกับบริษัทได้ ในรูปแบบพนักงานสัญญาจ้างเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่อายุ 65 ถึง 70 ปี

โดยตั้งแต่มีการแก้กฎหมายใหม่ในเรื่องความมั่นคงในการทำงานของประชากรสูงวัยที่ออกมาเมื่อช่วงเดือนเม.ย. 2556 บริษัทหลายแห่งของญี่ปุ่นมีกระแสตอบรับในเชิงบวก และหลายที่มีการปฏิรูปโครงสร้างภายใน เพื่อรองรับการจ้างงานพนักงานที่มีศักยภาพหลังจากที่พวกเขาเกษียณแล้วเมื่ออายุครบ 65 ปี โดยไม่เพียงแต่บริษัทใหญ่เท่านั้น บริษัทขนาดเล็กของญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มไปในทางเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม นาโอกะ โฮริเอะ จากสถาบันวิจัยมิซูโฮะ ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้หลายบริษัทเลือกต่อสัญญากับพนักงานสูงอายุมากขึ้นนั้นเป็นเพราะว่า ปัจจุบันนี้ในญี่ปุ่นมีกลุ่มบริษัทที่มีนักศึกษาและเด็กจบใหม่เป็นตัวขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นมาก ทั้งธุรกิจในระดับกลางและระดับเล็ก ทำให้หลายบริษัทไม่สามารถเก็บพนักงานใหม่ไว้กับบริษัทได้นาน นอกจากนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาด้านสุขภาพสำหรับแรงงานสูงวัยนั้นมีอยู่สูง บางบริษัทในญี่ปุ่นยังคงลังเลที่จะจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นด้วย

เรื่องน่าสนใจ