ทุกวันนี้คนไทยเจ็บป่วยจากโรคอ้วนมากขึ้นทุกปี เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทแป้ง น้ำตาลและไขมันมากเกินความจำเป็น จนร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ไม่หมด สะสมเป็นไขมันเกาะตามร่างกายจนกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด การรักษาโรคอ้วนต้องเริ่มจากการออกกำลังกายและลดการบริโภคอาหารประเภทแป้งให้น้อยลง
หนึ่งในอาหารทางเลือกที่เหมาะสำหรับดูแลรักษาสุขภาพ คือ การบริโภค “ บุก ” เพราะบุกมีลักษณะเนื้อสัมผัสและรสชาติคล้ายอาหารที่มาจากแป้งแต่ไม่ให้พลังงานแถมช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน
บุกมีใบลักษณะคล้ายใบมะละกอ โผล่ขึ้นมาจากหัวบุก ใบมีสีเขียวเข้ม บุกบางชนิดมีลวดลายและมีหนามอ่อนๆ
ดอกบุกลักษณะคล้ายต้นหน้าวัว มักพบในช่วงปลายฤดูแล้ง หลังจากดอกผสมพันธุ์จะเกิดผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พออายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย หัวบุก (corm)มีขนาดใหญ่ สะสมอาหารอยู่ใต้ดิน
บุกที่นิยมใช้เป็นอาหารสำหรับลดความอ้วน คือ บุกไข่ (A. oncophyllus)
สาเหตุที่เรียกว่า บุกไข่ เนื่องจากมีลักษณะพิเศษมีไข่อยู่ตามลำต้นที่สายพันธุ์อื่นๆ ไม่มี พบมากที่จังหวัดลำปาง พะเยา ตาก เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์
บุก มีลักษณะลำต้นสวยงาม นักจัดสวนนิยมนำต้นบุกมาประดับตามใต้ร่มเงาของไม้ยืนต้นที่มีป่าโปร่ง หรือจะนำมาใส่กระถางเป็นไม้ประดับ บุกเป็นพืชที่ปลูกง่ายแถมมีปัญหาโรคและแมลงน้อย เหมาะสำหรับปลูกเป็นพืชเสริมรายได้ในหัวไร่ปลายนา สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน
ชาวบ้านนิยมนำ ต้น ใบ และหัวบุกมาทำขนม เช่น ขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว) ส่วนภาคตะวันออกแถบจันทบุรี ชาวบ้านนิยมฝานหัวบุกเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมานึ่งรับประทานกับข้าว ชาวเขาทางภาคเหนือมักนำหัวบุกมา ปิ้งก่อนรับประทาน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆ มาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆ ครั้งแล้วจึงนำไปทำเป็นอาหารหวาน
ผงบุกมีสารสำคัญเรียกว่า “กลูโคแมนแนน” ซึ่งเป็นสารเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะทำให้อิ่มเร็วและอิ่มนาน ช่วยลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนักตัว ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ลดการเกิดโรคเบาหวาน ลดการเกิดมะเร็งลำไส้ ลดอาการท้องผูกเพราะผงบุกช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี ขับถ่ายสะดวก
สามารถลดอาการท้องผูกลงถึง 93 % ลดการเกิดโรคกระเพาะอาหารช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อันเกิดจากอนุมูลอิสระของร่างกายดีขึ้น ช่วยขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย
ที่มา ข่าวสด