เมื่อการทำศัลยกรรมกลายเป็น “ฟีเวอร์” ที่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือต้องปิดบังกันอีกต่อไป บรรดาศิลปิน ดารา ซุปเปอร์สตาร์ เซเลบทั้งหลายต่างก็หันมาทำศัลยกรรมให้สวย หล่อ เสริมบุคลิก สร้างความมั่นใจและอาจจะรวมไปถึงรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
“เสริมจมูก” หนึ่งในศัลยกรรมยอดฮิตของบรรดาหนุ่มสาวยุคใหม่ โดยเฉพาะค่านิยม “ดั้งโด่ง” แบบดารา ทำให้หลายคนยอมเจ็บตัวหลายครั้งเพื่อให้ได้ดั้งที่สมใจ
“เอ” พริตตี้สาวบอกว่า ทำจมูกมาแล้ว 6 ครั้ง เพิ่งมาถูกใจตอนครั้งที่ 7 ที่ดูเหมือนว่าจะได้จมูกแบบที่อยากได้จริงๆ
“ไปทำมาครั้งแรกก็รู้สึกว่ามันไม่รับกับหน้า ดูเชิดๆไปหน่อย ก็เลยไปให้คุณหมอแก้ไขให้ แต่แก้ยังไงก็ไม่ถูกใจ บางครั้งก็ดูสูงเกิน ครั้งสุดท้ายที่ไปแก้ เพราะทำออกมาแล้วไม่สวยเลยแหลมๆ แต่ปลายจมูกกลับคด ตอนนั้นแทบไม่อยากส่องกระจกดูหน้าตัวเองเลย มีคนแนะนำว่ามีคุณหมอที่เก่งในการแก้ไขจมูก จึงตัดสินใจไปทำเป็นครั้งที่ 7 ปรากฏว่าออกมาคราวนี้เป๊ะเลย แม้จะจ่ายเงินแพงกว่า แต่เมื่อคิดดูแล้วว่าได้แบบที่เราถูกใจก็ถือว่าคุ้ม”
ขณะที่ “แตงโม” สาวเอเจนซี่โฆษณา ทำจมูกมา 4 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเธอบอกว่า นอกจากจะไม่สวยแล้วยังเจ็บมาก ตอนไปทำครั้งแรกเคยถึงขนาดที่จมูกอักเสบ ซิลิโคนที่ใส่ไว้ทะลุออกมา ตอนนั้นร้องไห้ทุกวัน แต่ก็บอกตัวเองว่ายังไงก็จะสู้ ต้องทำให้สวยให้ได้
เรื่องของการทำจมูกและแก้ไขจมูกนี้ นพ.มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์ เจ้าของเมโกะ คลินิก และถือว่าเป็นศัลยแพทย์ที่ทำศัลยกรรมแก้ไขจมูกแพงที่สุดของเมืองไทย ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าไม่แปลกที่จะมีคนไปทำจมูก 4 ครั้ง 5 ครั้งและยังต้องมาแก้ โดยส่วนตัวแล้วเคยแก้จมูกให้คนที่ทำมาแล้ว 10 ครั้งก็เคย
คุณหมอมนัส บอกว่า จมูกเป็นอวัยวะที่อยู่ตรงกลางของหน้า เป็นจุดสำคัญที่จะเปลี่ยนใบหน้าให้ดูดีขึ้นได้ ดูหน้าเรียวก็ได้ หน้าหวานก็ได้ ในแวดวงของศัลยกรรมความสวยความงาม แค่ทำจมูกอย่างเดียว หน้าก็สามารถจะเปลี่ยนไปได้แล้ว ปัญหาที่ต้องตั้งโจทย์คือ จะทำที่ไหน แบบไหน ทำกับใคร จึงจะปลอดภัย และครั้งเดียวจบ
“ผมยอมรับว่า การทำจมูกหรือแก้ไขจมูกของผมราคาสูง อาจจะเป็นหมอแก้จมูกที่แพงที่สุดในประเทศไทย คิวนัดยาวมาก แต่หลักการของผมคือ ทำครั้งเดียวต้องจบ” เจ้าของคลินิกศัลยกรรมชื่อดังบอก
คุณหมอมนัส ยังบอกอีกว่า การทำจมูกไม่ใช่ว่าจะต้องทำให้โด่งเท่านั้น จมูกโด่งไม่ใช่ว่าจะสวยหมด การทำจมูกเหมือนเป็นการสร้างศิลปะบนใบหน้า เป็นศิลปะทางการแพทย์ การทำจมูกไม่ใช่แค่ทำให้โด่ง แต่ทำแล้วต้องรับกับใบหน้า ภาษาอังกฤษบอกว่าต้อง Harmonize หรือกลมกลืนกับหน้าที่สุด
“เสริมจมูกให้โด่งทำง่ายมาก แต่สำหรับผม ผมถือว่าการทำจมูกเป็นการทำงานศิลปะ ต้องดูโครงสร้างหน้าของคนไข้ หน้าแบน หน้าเรียว ต้องทำจมูกแบบไหนถึงจะรับกับหน้า ถ้าปลายพุ่งไปก็เป็นพิน็อกคีโอ พุ่งน้อยก็ไม่เด่น ไม่สง่า เวลาผมทำจมูกให้คนไข้ ผมจะใส่ความรู้สึกและมุมมองแบบการทำงานศิลปะลงไปด้วย รอยหัก แนวลาดเอียง มิติของจมูก ปลายจมูกควรพุ่งแค่ไหนที่จะสามารถควบคุมเหลี่ยมมุมของหน้าได้ ผมจะคิดว่าถ้าคนไข้เห็นจมูกตัวเองตอนทำเสร็จแล้วต้องมีความสุข คนที่มองก็มีความสุข เราทำเพื่อควบคุมการมองของคนด้วย ไม่ใช่แค่ควบคุมรูปหน้าอย่างเดียว” คุณหมอมนัสบอกพร้อมกับบอกว่า มีเหมือนกันที่ผมทำเอง ทำแล้วมาดู คิดว่ายังไม่ใช่ ผมจะขอแก้ไขให้คนไข้เองเลย อย่างที่บอก ทำแล้วครั้งเดียวต้องจบ ไม่ต้องไปแก้ไขอะไรอีก
“ผมทำศัลยกรรมแก้ไขจมูกเยอะมาก ส่วนใหญ่คนที่เรื่องเยอะๆ มีปัญหามากๆแล้วถึงจะมาถึงผม บางคนมาให้แก้เพราะไปฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกมาแล้วไม่เวิร์ก ไปผ่าตัดมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มีคนไข้บางคนมาทำกับผมแล้วไม่ชอบ ไปทำที่อื่น แต่สุดท้ายก็กลับมา เพราะสิ่งที่เขาคาดหวังว่าจะดีขึ้น กลับแย่กว่าเดิม การแก้จมูกที่คนไข้มาให้แก้มาจากหลายเหตุผล เช่น ทำแล้วไม่ได้ผลที่พึงพอใจ หรือทำแล้วเกิดปัญหา เช่น ปลายจมูกทะลุ อักเสบบวมแดง จมูกเอียง เบี้ยว บางคนไปทำมาแล้ว ปรากฏว่าความรู้สึกเวลามองดูแก่ ดูเครียด ก็มาขอให้แก้จมูกให้ทำแล้วดูหน้าสง่าขึ้น หวานขึ้น กลมกลืน ไม่หลอก ไม่ดูเป็นอีกเพศหนึ่ง เพราะความลาดเอียงของจมูกในการทำศัลยกรรมจมูกผู้ชายกับผู้หญิงจะไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน”
เจ้าของคลินิกศัลยกรรมความงามเมโกะ บอกอีกว่า ยุคนี้สมัยนี้ การมองเรื่องของการทำศัลยกรรมตกแต่งเปลี่ยนไป สมัยก่อนเป็นเรื่องน่าอายถ้าใครทำศัลยกรรม แต่ทุกวันนี้การทำศัลยกรรมถือเป็นการลงทุนเพื่อชีวิต ในเกาหลีพ่อแม่จะหาเงินให้ลูกไว้เรียนหนังสือก้อนหนึ่ง ไว้ทำศัลยกรรมอีกก้อนหนึ่ง เป็นเรื่องปกติเลย แถมรัฐบาลยังสนับสนุนให้สามารถเบิกได้ เพียงแต่อาจจะจำกัดการเบิก
“ผมเคยได้รับการ์ดเชิญจากคนไข้ ให้ไปร่วมงานแต่งงาน เขาบอกว่าผมช่วยเปลี่ยนชีวิตเขา จากเซลล์ขายรถยนต์ธรรมดา ที่ตอนแรกเหนื่อยมาก รถก็ขายไม่ค่อยได้มาให้ผมทำจมูกให้ ปรากฏว่านอกจากจะทำยอดขายเพิ่มแล้ว มีเศรษฐีมาซื้อรถยนต์แล้วเกิดชอบ ขอแต่งงาน อย่างนี้ต้องเรียกว่าศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต” คุณหมอมนัสบอกพร้อมกับเล่าให้ฟังเพิ่มเติมอีกว่า เคยมีคนไข้อายุ 84 มาทำศัลยกรรมกับผม ผมก็ถามว่ามาทำทำไม เขาบอกว่าทำแล้วมีความสุข ดูกระจกแล้วมีความสุข แต่งหน้าได้สวย มันก็ตอบโจทย์ได้ ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ทำแล้วมีความสุขก็ทำ
สุดท้าย คุณหมอมนัส บอกว่า การทำศัลยกรรมที่ดีต้องหาข้อมูล ดูจากรีวิว ดูผลงานของหมอ ของคลินิกที่เราจะไปทำแล้วจึงค่อยตัดสินใจ ดูให้ละเอียดถี่ถ้วน การทำศัลยกรรมถ้าได้หมอที่ “มือถึง” เวลาทำออกมาจะดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็น “หน้าศัลยกรรม”
และอย่างที่บอก ศัลยกรรมเป็นงานศิลปะ คุณอาจจะวาดรูปผู้หญิงออกมาได้เหมือนกัน แต่ความประทับใจในการมองรูปผู้หญิงต่างกัน นั่นล่ะคือ “ศัลยกรรม”.
ขอบคุณที่มา ไทยรัฐ