“วู้ดดี้ โชว์” (WOODY SHOW) เสาร์นี้พบกับนางเอกสาวหน้าคม ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ที่จะมาเปิดใจพูดครั้งแรก หลังจากที่ไม่รับงานในวงการบันเทิงเลยตลอด 2 เดือน เล่าทั้งน้ำตาหลังเจอมรสุมชีวิต พูดถึงอาการป่วยของคุณแม่หลังเกิดอุบัติเหตุที่เคยเป็นข่าวดัง พร้อมเผยถึงสถานะความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่ม ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี ที่ฟังแล้วบอกเลยว่างานนี้มีอึ้ง!
ในช่วง 2–3 เดือนที่ผ่านมา เห็นหายไปจากวงการบันเทิงเลย
“มีหลายความรู้สึกเลยนะคะ คือต่อให้เราออกไปทำเราก็คงไม่มีแรงเหมือนกัน เป็นช่วงชีวิตหนึ่งที่แบบพักแล้วก็ถามตัวเองในหลายๆเรื่อง คือมันเป็นช่วงที่เหมือนเราเจอเรื่องเยอะ รู้สึกเหมือนต้องเข้มแข็ง ต้องผ่านมันไป หนักที่สุดในชีวิต เหมือนกับโลกมันถล่ม เป็นเหมือนเรื่องที่รู้สึกว่ามันไกลตัวคือไม่ได้มีภาพว่าพ่อกับแม่ที่ไม่สบายเลย สำหรับตัวเราพ่อกับแม่เป็นกำลังใจสำคัญที่สุดในชีวิต มีแฟนกี่คนต้องคุยกับแฟนว่าเราจะไม่มีลูก เพราะอยากเอาเวลาทั้งชีวิตให้พ่อและแม่ในช่วงบั้นปลายของเขา อยากเอาเงินทั้งหมดที่มีให้กับคนที่เลี้ยงเรามาทั้งชีวิต อยากให้เขามีความสุขที่สุด เขาเหนื่อยมามากแล้ว”
พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วทราบตอนไหนว่าตกลงเป็นอะไร?
“คุณหมอที่โรงพยาบาลแรกแจ้งว่าเส้นสมองของคุณแม่มีการทับกันบางๆ น่าจะเกิดจากการผิดปกติบางอย่างก่อนที่จะล้ม ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่าล้มก่อนหรือเส้นเลือดในสมองมีปัญหา จนไปที่โรงพยาบาลปัจจุบันที่คุณแม่รักษาตัวอยู่คุณหมอแจ้งว่า จากลักษณะการแตกของกะโหลก เส้นเลือดแตกก่อนแน่นอน เพราะว่าคุณแม่ไม่มีการพยุงร่างกายไว้ได้เลย คุณหมอใช้คำว่าเหมือนแตกอย่างหนักด้านหลังจากสาเหตุความดันโลหิต เส้นเลือดในสมองแตก”
ทุกคนพอได้ทราบก็เป็นห่วง และคิดว่าวันนั้นปุ๊กลุกคงเศร้ามากๆ
“มีความรู้สึกว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญมากๆเลยในชีวิต อย่างที่บอกไปว่าเห็นคุณพ่อกับคุณแม่ลำบาก เราอยากมีเงินเพื่อให้เขาสุขสบาย แต่ทุกวันนี้มันเหมือนกับเราจำเป็นต้องใช้เงินเยอะเพื่อแลกกับการรักษาที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ รวมถึงอะไรที่มันดีเงินก็ต้องแลกกับสิ่งนั้น แล้วคือวันแรกที่เจอคุณหมอก็แจ้งเลยว่าโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือโอกาสที่จะฟื้นมันเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากๆ คุณแม่ขาดออกซิเจนสมองขาดอากาศหายใจนานเกินไป เราเองก็ไม่รู้ว่าคุณแม่หมดลมหายใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เราทำดีที่สุดแล้ว คุณหมอแจ้งว่าจากแผ่นเอกซเรย์มันขาดนานเกินไป แล้วคุณหมอก็ถามว่ามีวิธีการคิดยังไงหลังจากนี้ ถ้าเกิดว่าคุณแม่ไม่เหมือนเดิมจะให้หมอรักษาแบบไหนที่ญาติต้องการ คือคุณหมอก็คงรู้ว่าค่าใช้จ่ายจะเยอะ เราก็ตอบว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะไม่ปล่อยมือแม่ ให้คุณหมอรักษาเต็มออปชันเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่ต้องคำนึงเรื่องค่าใช้จ่าย คือรู้ว่ามันหนัก แต่ว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ชีพจร ออกซิเจน อะไรทุกอย่างของแม่ไม่ได้ส่งสัญญาณมาว่าแม่ไม่อยากที่จะไปต่อกับหนู หนูก็จะไม่ทรมานแม่ ตอนอยู่ในห้อง ICU ก็คุยกันทุกวันว่าถ้าแม่สู้หนูก็จะทำที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะจับมือแม่จนกว่าแม่จะปล่อยมือหนู หนูไม่มีทางปล่อยมือแม่ถ้าแม่ไม่ส่งสัญญาณอะไรมา ครอบครัวเราจะไม่ปล่อยมือแม่”
พอวันที่แม่ล้มมันทำให้ทุกคนในบ้านกลับมาคุยกันว่า จริงๆมีอีกตั้งหลายอย่างที่เราทำได้มากกว่านั้น เช่นบางทีเรารู้สึกว่าแม่ขี้บ่น ขี้น้อยใจ เราอยากเปลี่ยนเขาว่าทำไมต้องน้อยใจด้วย เราก็ต้องมีเพื่อนนะ ออกไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง เขาจะรู้สึกว่าต้องเจอเราทุกวัน ต้องใช้เวลากับเขามากที่สุด ทำให้เราเปลี่ยนความรู้สึกว่าทำไมในตอนนั้นเราไม่เข้าใจเขา ทำไมไม่มองว่ามันคือความน่ารัก คิดว่าพ่อแม่จะมีความสุขที่สุดถ้าเรายอมรับในสิ่งที่เขาเป็น เราเปลี่ยนเป็นความเข้าใจไปเลยดีกว่าถ้ามันทำให้เขามีความสุขมากขึ้น พอเจอกับเหตุการณ์นี้จึงทำให้เราคิดได้
คนรอบข้างก็กลัวว่าเราต้องเสียใจ ถ้ามันไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวัง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ว่าอะไรเราก็ต้องเสียใจอยู่แล้ว ถ้ามันไม่ได้เป็นไปตามที่เราต้องการ มันจะดีกว่าไหมถ้าวันนี้เรายังหวังกับมันได้อยู่ ถ้าเรายังหวังว่าแม่เราจะหาย ในขณะที่คนอื่นอาจจะหมดหวังไปแล้ว ตราบใดชีวิตที่มันยังหวังได้อยู่มันก็ไม่ได้ผิด”
ถ้าวันหนึ่งคุณแม่ตื่นขึ้นมาดูในการพูดคุยของเราได้ อยากจะบอกอะไรกับคุณแม่?
“อยากให้แม่รับรู้จริงๆว่ามันไม่มีอะไรมาแทนที่แม่ได้เลย ไม่มีวันไหนที่หนูนอนหลับได้โดยไม่ตื่นมากลางดึก ไม่ว่าจะนอนที่บ้านหรือที่ห้อง ICU ไม่มีวันไหนเลยหลังจากที่ไม่มีแม่เป็นปกติแล้วเราจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแบบปกติได้ รู้สึกว่ามันเร็วเกินไปที่หนูหรือแม่ต้องเจอ คุณแม่เพิ่งอายุ 60 เอง หนูคิดว่ามันเร็วเกินไป เป็นช่วงที่เราเพิ่งเก็บเงินที่จะพาเขาไปใช้ชีวิตได้ อยากให้แม่รู้ว่าทั้งชีวิตของหนูก็มีแค่พ่อกับแม่ อยากใช้ชีวิตทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะดูแลคนที่ดูแลเรามาทั้งชีวิต”
วันแม่ปีนี้อยากทำอะไรให้กับคุณแม่? (บันทึกก่อนวันแม่)
“กราบเท้าเหมือนเดิมค่ะ อย่างวันเกิดที่ผ่านมาก็เป็นปีแรกในชีวิตที่ไม่มีเป่าเทียน ถึงแม้ว่าจะมีเค้กเยอะมาก ไม่มีการร้องเพลง คือเรารู้สึกว่าไม่สามารถที่จะมีความสุขได้เลยถ้าเราไม่มีเขา ถ้าแม่ยังอยู่ในจุดที่ยังต้องเหนื่อย มีความสุขลึกๆที่เรายังได้ดูแลเขาในวันนี้ แต่จะไม่มีความสุขแบบ celebrate อะไรกัน เพราะความทรงจำคือไม่เคยมีปีไหนเลยที่ไม่มีเขาในชีวิต”
รู้มาว่าตอนนี้สถานะระหว่างไมค์และปุ๊กลุกเปลี่ยนไป?
“มันเป็นความผิดของเราเอง เลยมีความรู้สึกว่าไม่อยากให้เขามาอยู่ในภาวะที่ต้องทุกข์แบบเดียวกับเรา ก็เลยคิดว่าเราถอยดีไหม เป็นเพื่อนที่ให้กำลังใจกันไปตลอดโดยที่ไม่ต้องพยายาม เขาก็ไม่ต้องพยายามทำอะไรให้เราอีกแล้ว รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเขาที่เรายิ้มไม่ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถยิ้มได้เพราะว่าเราก็ยิ้มไม่ได้ ก็เลยคิดว่าการที่เรามีสเตตัสที่มันเว้นระยะสักนิดนึง เขาก็จะได้มีความสุขในแบบที่เขาควรจะเป็น แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเราเป็นแฟนคือตอนนี้เราไม่พร้อมเสียใครเลย! ไม่อยากทะเลาะ คือจิตใจเราไม่ได้พร้อมที่จะปรับความเข้าใจในเรื่องอะไรเลย คือมันแย่มากอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่าถ้าเป็นเพื่อนก็จะเป็น feel แบบจับมือกันไป”
ห้ามพลาดชมรายการ “วู้ดดี้ โชว์” (WOODY SHOW) วันเสาร์นี้ 5 โมงเย็น ทางช่อง 7HD
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่