นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในอังกฤษ เผยผลวิจัยระบุว่า อุณหภูมิของน้ำทะเลในทะเลเหนือที่เพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมอาหารในอังกฤษ โดยเฉพาะการผลิตเมนูขึ้นชื่ออย่าง ‘ฟิชแอนด์ชิปส์’
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ ในประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากอุณหภูมิน้ำทะเลในทะเลเหนือเพิ่มสูงขึ้น โดยระบุว่า อุตสาหกรรมอาหารของอังกฤษจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะอาหารที่ทำจากปลาแฮดด็อค ปลายอดนิยมที่ชาวอังกฤษนำมาใช้ในเมนูฟิชแอนด์ชิปส์
ผลวิจัยดังกล่าวระบุว่า อีกไม่เกิน 50 ปีข้างหน้า อุณหภูมิในทะเลเหนือจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้สัตว์บางสายพันธุ์ ขยายพันธุ์ได้ลดลง โดยในตอนนี้ จำนวนของปลาแฮดด็อคที่ชาวประมงจับขึ้นมาได้ ก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
ซึ่งสัตว์เหล่านี้ เป็นสายพันธุ์ที่ต้องการอุณหภูมิของน้ำทะเล สภาพแวดล้อม และความลึกที่คงที่ในการดำรงชีวิต ดังนั้น มันจึงไม่สามารถอพยพไปยังทางเหนือ เพื่อหาน้ำทะเลที่เย็นกว่าเดิมและย้ายถิ่นฐานได้ เนื่องจากความลึกของน้ำทะเลในแต่ละที่ไม่เท่ากัน โดยท้ายที่สุดแล้ว สัตว์น้ำที่สามารถดำรงชีวิตในน้ำทะเลที่อุ่นกว่าได้ ก็จะเข้าแทนที่สัตว์น้ำเหล่านี้ และพวกมันก็จะลดจำนวนลงเรื่อยๆในอัตราที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ทะเลเหนือคือส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งอยู่ระหว่างประเทศอังกฤษ เดนมาร์ก และเยอรมนี ซึ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิน้ำทะเลทั่วโลกถึง 4 เท่า โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เตือนว่า ในอนาคต ชาวประมงที่จับปลาหรือสัตว์น้ำในทะเลเหนือ จะเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ ที่เป็นผลพวงมาจากปัญหาโลกร้อน ที่นอกจากจะทำให้พวกเขาจับปลาได้น้อยลงแล้ว พวกเขายังต้องค้นหาทำเลที่มีความลึกที่เหมาะสมในการทำประมงอีกด้วย