ที่มา: TNN 24

วันนี้ (7พ.ย.58) เจ้าหน้าที่การบินฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ ที่กำลังตรวจสอบข้อมูลจากกล่องดำ ที่กู้ได้จากเครื่องบินของสายการบินเมโทรเจ๊ตของรัสเซีย ที่ตกในอียิปต์เมื่อ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เสียชีวิตทั้งลำ 224 คน เปิดเผยผลการตรวจสอบกล่องดำเบื้องต้นว่า ทุกอย่างบนเครื่องบินดำเนินไปอย่างปกติ แต่ในทันใดนั้น ได้เกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด และเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก พร้อมกับยืนยันด้วยว่า สาเหตุการตกไม่ใช่เครื่องยนต์ขัดข้องอย่างแน่นอน 

28

การเปิดเผยของฝรั่งเศส สอดคล้องกับที่อังกฤษและสหรัฐระบุก่อนหน้านี้ว่า ข่าวกรองลับที่ได้จากการดักฟังการติดต่อของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมในอียิปต์บ่งชี้ว่า กลุ่มติดอาวุธซึ่งสงสัยว่าเป็นกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้วางระเบิดไว้บนเครื่องบินของรัสเซีย ก่อนที่จะบินออกจากเมืองรีสอร์ทชาร์ม เอล-เชคของอียิปต์

ขณะเดียวกันชาวรัสเซียจำนวนมากรู้สึกผิดหวัง หลังจากเดินทางถึงสนามบินในกรุงมอสโก เพื่อจะเดินทางต่อไปท่องเที่ยวในอียิปต์ แล้วเพิ่งได้รู้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้สั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดของรัสเซียที่จะไปยังอียิปต์แล้ว ปูตินยังขอให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียราว 50,000 คนที่ยังอยู่ในอียิปต์ขณะนี้ เดินทางกลับบ้านด้วย นอกจากนี้ ปูตินยังได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีอับเดล ฟาตาห์ อัล-ซิซี่ของอียิปต์ และตกลงที่จะร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยให้แก่เที่ยวบินของรัสเซียมากขึ้น

ส่วนนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ตกค้างอยู่ที่สนามบินในชาร์ม เอล-เชค หลังจากอังกฤษสั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่ไปยังชาร์ม เอล-เชคตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา เริ่มเดินทางกลับถึงอังกฤษแล้วเป็นเที่ยวแรก โดยมีนักท่องเที่ยวอังกฤษตกค้างอยู่ที่ชาร์ม เอล-เชคราว 19,000 คน

นอกจากอังกฤษแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปอีกนับหมื่นคนและชาวรัสเซีย ยังตกค้างอยู่ที่ชาร์ม เอล-เชค หลังจากชาติยุโรปหลายชาติรวมถึงเยอรมนี เนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม ได้สั่งระงับเที่ยวบินไปยังอียิปต์เช่นกัน

ด้านสหรัฐประกาศมาตรการเข้มงวดใหม่ ในการตรวจสอบเที่ยวบินที่เดินทางเข้าสหรัฐ ที่มาจากตะวันออกกลางเป็นกรณีพิเศษ หลังจากหลักฐานต่างๆ เริ่มบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า สาเหตุการตกของเครื่องบินโดยสารของรัสเซียในอียิปต์ อาจเกิดจากการถูกลอบวางระเบิด

เรื่องน่าสนใจ