ผลวิจัยล่าสุดของสหรัฐฯชี้ให้เห็นว่า ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเกือบครึ่งหนึ่งในสหรัฐฯมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่
ผลวิจัยที่มีการตีพิมพ์ผ่านระบบออนไลน์ลงใน JAMA Internal Medicine ซึ่งเป็นวารสารการแพทย์ของสมาคมการแพทย์อเมริกัน ระบุว่า ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเกือบครึ่งหนึ่ง มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่
ซึ่งจากการเก็บข้อมูลในปี 2011 จากจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 12 ประเภทจำนวนเกือบ 346,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า ผู้เสียชีวิตร้อยละ 48.5 หรือเกือบครึ่งหนึ่ง เป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ แม้ว่าที่ผ่านมา จะมีการรณรงค์ลดการสูบบุหรี่ในสหรัฐฯมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ผลวิจัยดังกล่าว ยังระบุด้วยว่า ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดและถุงลมโป่งพองร้อยละ 80 มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่โดยตรง ส่วนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกล่องเสียงกว่าร้อยละ 77 ก็มีผลเชื่อมโยงมาจากการสูบบุหรี่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้สูบบุหรี่ในสหรัฐฯ เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2000 มีผู้สูบบุหรี่ร้อยละ 23.2 ส่วนในปี 2012 ลดลงเหลือร้อยละ 18.1 ซึ่งผลวิจัยดังกล่าวแนะนำว่า หลังจากนี้ จะต้องมีการรณรงค์อย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อลดอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง รวมถึงโรคอื่นๆที่เป็นผลเชื่อมโยงมาจากการสูบบุหรี่ ซึ่งหนึ่งในมาตรการที่ควรนำมาใช้ก็คือการควบคุมการสูบบุหรี่ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนทั่วไปหันมาเลิกบุหรี่มากขึ้น