เรียบเรียงโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพจาก เดลินิวส์
หลายท่านอาจจะเคยได้ยินโฆษณา “ครีมเซรั่มพิษงู” ขายผ่านโซเชียลมีเดีย มีดาราในวงการบันเทิงออกมาการันตีว่าครีมตัวนี้มีส่วนผสมของสารเลียนแบบพิษงู มีประสิทธิภาพครอบ คลุมทุกปัญหาสุขภาพผิว
ตั้งแต่การรักษาสิว หลุมสิว กระ ผิวขาว และฝ้า เห็นผลภายใน 7 วัน ซึ่ง ดร.นพ.เวสารัช เวสสโกวิท ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย อธิบายว่า “สารเลียนแบบพิษงู” นั้นมีการศึกษาวิจัยในคนจำนวนหนึ่งซึ่งน้อยมาก ๆ ให้ผลในเรื่องของผิวตึง
แต่ไม่สามารถเอามาการันตีเรื่องประสิทธิภาพในการรักษาโรคผิวหนังตามที่มีการโฆษณา โดยเฉพาะการรักษาฝ้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงตัวโรคแล้วไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสามารถรักษา “ฝ้า” ให้หายขาดได้ภายใน 7 วัน
เพราะแม้ในทางการแพทย์ยังรักษาให้หายขาดไม่ได้ ดังนั้นถ้าอ้างว่าหายขาดนั้นไม่น่าจะจริง แต่บางครั้งเครื่องสำอางจะมีการผสมสารสีขาวเข้าไป การทำงานเหมือนกับครีมรองพื้นชนิดหนึ่ง ที่ทาเพื่อปกปิดรอยได้
“สารเลียนแบบพิษงู เป็นกลุ่มเครื่องสำอาง ที่ผ่านมามีการวิจัยค่อนข้างเยอะ แต่มีการศึกษาในคนจำนวนน้อยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ดังนั้นจึงไม่ค่อยกล่าวอ้างว่าอะไรได้ผลมาก ๆ ส่วนใหญ่เป็นเพียงการโฆษณา และต้องเข้าใจว่าเครื่องสำอางนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการขายฝันมากกว่าขายประสิทธิภาพจริง ทำให้รูปลักษณ์ดูดีและราคาค่อนข้างแพง”
ทั้งนี้ เนื่องจากว่าในเครื่องสำอางแต่ละตัวนั้นจะมีการผสมสารหลายอย่างเข้าไป ซึ่งรวมถึงสารเลียนแบบพิษงู จึงมีการโฆษณาว่าสามารถรักษาได้หลายอย่าง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าครีมที่ว่านี้ได้รับการตรวจและรับรองคุณภาพความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่
“เวลาซื้อครีม ซื้อเครื่องสำอางทุกอย่างต้องดูว่ามีตรา อย. หรือไม่ แต่ถึงแม้จะมีตรา อย. แต่ถ้าเราอยากรู้ว่ามีการออกฤทธิ์อย่างไรนั้น ขอให้ดูที่เอกสารสรรพคุณที่อยู่ภายในกล่องบรรจุ ส่วนคุณสมบัตินอกเหนือจากที่ระบุไว้ในกระดาษนั้นไม่มีหลักฐานยืนยัน แม้กระทั่งข้างกล่องก็ยังโฆษณาเกินจริง”
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง ยังเปิดเผยอีกว่า เครื่องสำอางที่มีการโฆษณาใช้กันอยู่นั้นส่วนใหญ่จะเน้นให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนังเป็นหลัก ไม่ค่อยมีฤทธิ์มากมาย
เพราะถ้ามากกว่านี้โดยเฉพาะที่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังตั้งแต่ชั้นหนังแท้เป็นต้นไปกฎหมายกำหนดให้ต้องขึ้นทะเบียนเป็นยา
ซึ่งเมื่อขึ้นทะเบียนเป็นยาจะไม่สามารถโฆษณาได้ ดังนั้นตอนนี้ที่โฆษณานั้นจะต้องไม่ออกฤทธิ์ในชั้นผิวหนังลึก ๆ ถ้ามากกว่านี้จะถือเป็นโฆษณาเกินจริง
ดังนั้นอยากเตือนประชาชนเรื่องการเลือกซื้อเครื่องสำอาง ต้องมั่นใจได้ว่ามีมาตรฐานจริง ๆ ขนาดเครื่องสำอางยี่ห้อดังที่ผ่านการศึกษาวิจัยมามากยังถูกถอนออกจากท้องตลาด
เพราะทำให้ผู้ใช้เกิดอาการผิวด่างขาวจำนวนมาก นับประสาอะไรกับเครื่องสำอางที่ไม่รู้ที่มาที่ไป หากใช้สุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีผิวถาวรเพราะฉะนั้นอยากสวยถาวรอย่าเสี่ยง