ที่มา: khaosod

เรียบเรียงโดย โดดเด่นดอทคอม

ภาพจาก ข่าวสด

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ถึงความไม่เหมาะสมของผู้ประกอบการรีสอร์ต บางรายบนเกาะไหง บริเวณเขตรอยต่อ ระหว่างจ.ตรัง และกระบี่

เนื่องจากนำขยะจากบนเกาะมาทิ้งไว้กลางทะเล บริเวณจุดดำน้ำของเกาะไหง ซึ่งเป็นภาพที่ไม่สวยงามและยังกระทบกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ที่สำคัญยังเป็นผลลบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้วย

8z

ทำให้ไกด์ชาวไทยที่พานักท่องเที่ยวต่างชาติพายเรือผ่านมาพบ ต้องช่วยกันเก็บเศษขยะที่ลอยเกลื่อน เนื่องจากบริเวณที่พบอยู่ใกล้กับปะการังและจุดที่สัตว์ทะเลอาศัยอยู่จำนวนมาก พร้อมวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและดำเนินการโดยด่วน

ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยัง ผู้โพสต์ข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าขยะที่ลอยอยู่ในทะเลบริเวณเกาะไหง มักถูกคนงานนำใส่เรือหางยาวมาทิ้งกลางทะเลอันดามัน ในช่วงเย็นของทุกวัน

ซึ่งวันที่ผ่านไปพบมีจำนวนมากถึง 5 ถุงดำขนาดใหญ่ ประกอบกับบริเวณนั้นน้ำไหลนิ่ง ทำให้ขยะทั้งหมดมารวมอยู่จำนวนมาก จึงช่วยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเก็บขึ้นเรือไปทิ้ง แต่ถ้าเป็นช่วงที่น้ำไหลแรงคงพัดพาเศษขยะออกทะเล ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบกับสัตว์ทะเลและปะการังในพื้นที่

“ผมเป็นไกด์มักพายเรือแคนู เพื่อพา นักท่องเที่ยวไปเที่ยวบริเวณหน้าเกาะไหง แต่เมื่อเจอนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาสอบถามถึงที่มาของขยะจำนวนมากที่ลอยเกลื่อน ผมถึงกับอึ้ง รู้สึกอายและพูดอะไรไม่ออก จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบและเอาผิดกับผู้ประกอบการบางรายที่แอบนำขยะมาทิ้ง” ผู้โพสต์ข้อมูลระบุ

ด้านนายประทีป โจ้งทอง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตรัง กล่าวยอมรับว่า มีผู้ประกอบการรีสอร์ตบนเกาะไหงบางราย จากที่มีอยู่ทั้งหมด 20 ราย ได้ให้แรงงานชาวพม่านำขยะบรรทุกใส่เรือแล้วไปทิ้งกลางทะเล โดยใส่ถุงดำและใช้เชือกมัดก่อนนำก้อนหินมาถ่วงไว้

แต่บางถุงเชือกหลุด ทำให้ขยะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ประกอบกับช่วงนี้มีลมมรสุม จึงพัดพาขยะเหล่านี้เข้าสู่ชายฝั่งและส่งผลให้นักท่องเที่ยวพบเห็นดังกล่าว ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเร่งแก้ไข

ขณะที่นายกัณต์เกษม มีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ ซึ่งดูแลรับผิดชอบเกาะไหง กล่าวว่า หลังทราบเรื่องกรณีดังกล่าวได้แจ้งไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานที่เกาะไหงให้เร่งตรวจสอบ

 โดยจากการออกไปตรวจสอบไม่พบขยะลอยอยู่ และให้เจ้าหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการรีสอร์ตที่อยู่บนเกาะ ให้ร่วมกันดูแลและไม่ทิ้งขยะหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยกำชับเจ้าหน้าที่หากพบมีการทิ้งขยะก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที และให้จัด เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่ด้วย

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่มาถึง ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปพักผ่อนและเยี่ยมชมความสวยงามที่หมู่เกาะสิมิลันและเกาะตาชัย จ.พังงา

โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวจะมี นักท่องเที่ยวเดินทางไปทั้ง 2 เกาะ ไม่น้อยกว่า 4,800 คน โดยกระจายไปยังเกาะตาชัยประมาณ 2,400 คน และหมู่เกาะสิมิลัน 2,400 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากเกินกว่าพื้นที่จะรับได้ ผลที่ตามมาทำให้ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมบนเกาะแก่งต่างๆ เริ่มเสื่อมโทรมเสียหาย โดยเฉพาะที่เกาะตาชัย

น.ส.สุปราณี ส่งบุญสุข นักท่องเที่ยว เปิดเผยว่า เคยไปเที่ยวเกาะตาชัยเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้กลับมาเที่ยวอีกและต้องพบกับ การก่อสร้างอาคารร้านอาหารใหญ่โต จนเกาะตาชัย แทบไม่เหลือร่องรอยความงดงามของธรรมชาติ ดูไปคล้ายตลาดสด

 ที่น่าเศร้าสลดใจที่สุดเห็นจะได้แก่ร่องรอยการเผาทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยและจำนวนปูเสฉวน ซึ่งในอดีตเกาะตาชัยเป็นแหล่งที่มีปูเสฉวน ปูไก่ นกชาปีไหน รวมถึงสัตว์ป่านานาชนิดและสัตว์ทะเลหายากจำนวนมาก โดยเฉพาะแหล่งน้ำจืดบริเวณหน้าชายหาด แต่ตอนนี้กับพบว่ามีจำนวน น้อยลงมาก จึงอยากให้มีการกำหนดจำนวน นักท่องเที่ยวที่เข้ามา เพื่อให้ธรรมชาติที่สวยงามยังคงอยู่ นอกจากนี้อยากให้ควบคุมเรื่องการก่อสร้างอาคารต่างๆ ด้วย

ด้านนายพงศ์ธีระ บัวเพ็ชร อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมวิทยา กล่าวว่า ในส่วนของปูเสฉวนบนเกาะตาชัย ปัจจุบันลดลงจำนวนมาก

สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก นักท่องเที่ยวเก็บเปลือกหอยจากชายหาด และมีการเผาทำลายเปลือกหอย ทำให้ปูเสฉวนไม่มีเปลือกหอย ดังนั้น ทุกฝ่ายควรหันมาให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลระบบนิเวศ

ขณะที่นายอาทิตย์ ขยันกิจ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ อุทยานฯ อยู่ที่เกาะตาชัย ในแต่ละวันต้อง จัดเตรียมอาหารให้นักท่องเที่ยวจำนวนมาก

เพราะทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมารับประทานอาหารบนเกาะตาชัยไม่น้อยกว่า 500 คน โดยคิดค่าอาหารคนละ 250 บาท เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีอยู่จึงต้องคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว จึงอยากให้กรมอุทยานฯ หาวิธีจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 

เรื่องน่าสนใจ