ผู้ชายกับการศัลยกรรม นิยมทำส่วนไหนกันมากที่สุดนะ? นี่คงเป็นคำถามที่สาวๆ หลายคนอยากรู้ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ใช้ไม่ได้สําหรับผู้หญิงเพียงเพศเดียวเท่านั้น ปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นผู้ชายทั้งแท่ง หลายคนก็เริ่มหันมามองเรื่องการทําศัลยกรรมความงาม ซึ่งในปัจจุบัน มีผู้ชายอเมริกันเข้าใช้บริการเสริมความงามเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เลือกที่เข้ามาแก้ไขในเรื่องของ เสริมจมูก ตาสองชั้น การดึงหน้า การดูดไขมัน และศัลยกรรมเต้านม (Gynecomastia) ซึ่งหากจะนับรวมการเสริมบุคคลิกแบบไม่ต้องผ่าตัด ตัวเลขคงเพิ่มสูงกว่าที่กล่าวไว้มาก
ส่วนหนุ่มไทยนั้น ตัวเลขคนที่สนใจเสริมหล่อก็ไม่ได้น้อยหน้า สิ่งที่สะท้อนชัดเจนถึงการให้ความสําคัญของหนุ่มๆ ในเรื่องรูปร่างหน้าตา ก็เห็นจะเป็นโฆษณาของสถาบันความงามต่างๆ ที่เริ่มเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงสินค้าความงามของผู้ชาย ที่นับวันก็จะมีให้เลือกมากขึ้นในตลาดประทินโฉม
หากพิจารณาดูให้ดีๆ ในปัจจุบันนี้ จะพบว่าโอกาสต่างๆ ที่จะทําให้คุณภาพชีวิต หรือการประสบความสําเร็จในอาชีพหรือวิชาชีพต่างๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงเรื่องความรักด้วยนั้น มักจะมีความสัมพันธ์กับ Body Image นี่คือที่มาว่าทําไม การสร้างเสริมเพื่อเพิ่มบอดี้อิมเมจ จึงเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่หา โดยเฉพาะสังคมที่เปิดรับวัฒนธรรมตะวันตก ส่วนใหญ่แล้วจะมีแนวโน้มเดียวกันอย่างเช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ มากกว่าในชนบท
แม้เหตุผลของการเสริมหล่อของผู้ชายในตะวันตกและตะวันออกจะคล้ายๆ กัน คือการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี เป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะในเอเชีย ที่หนุ่มหน้าตาดีมักมีชัยไปกว่าครึ่งในการได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิต แต่ตําแหน่งของการแก้ไขจุดด้อยในร่างกายกลับต่างกัน สําหรับ 5 อันดับสุดฮิตของหนุ่มตะวันตกนั้น อันดับแรกคือการปรับรูปจมูกให้ดูพอเหมาะ เนื่องจากส่วนใหญ่จะพบว่าขนาดของจมูกใหญ่ และมักจะคดงอ
รองลงมาคือการทํา ตาสองชั้น และการดึงหน้า โดยเฉพาะหนุ่มนักธุรกิจที่เริ่มจะสูงวัย การกําจัดถุงใต้ตาเพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ลงกว่าอายุอานามจริง อันดับ 2 คือการปลูกผม หนุ่มตะวันตกส่วนใหญ่มักเจอกับปัญหาผมร่วง เทคนิคการปลูกผมจึงเป็นที่นิยมกันมากขึ้นเรื่อยๆ อันดับ 4 คือการผ่าตัดลดขนาดเต้านม (Gynecomastia) เนื่องจากอาหารของตะวันตกไม่ว่าชีส หรือนม มักจะมีฮอร์โมนอยู่มาก ทําให้ขนาดหน้าอกของผู้ชายมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และอันดับ 5 คือทํา Body Contour ด้วยการดูดไขมัน รวมถึงการดูดเซาะไขมันให้ดูเหมือนมีซิกแพ็กหรือกล้ามท้อง เพื่อทําให้รูปร่างดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจ
ขณะที่หนุ่มเอเชีย จุดที่จะทําศัลยกรรมเป็นอันดับหนึ่งเห็นจะหนีไม่พ้นการทําตา การเพิ่มตาสองชั้น สําหรับวัยละอ่อน หรือการดูดไขมันใต้ตาสําหรับคนที่สูงอายุ อันดับที่ 2 คือการทําจมูก มีตั้งแต่การอัพดั้งให้โด่ง การปรับจมูกให้ดูเข้ารูป อันดับ 3 คือการปลูกผม อันดับ 4 คือการดูดไขมันส่วนเกิน สําหรับการดูดเซาะไขมันเพื่อทําซิกแพ็กนั้น แม้จะยังไม่ติดอันดับ แต่เรียกได้ว่ากําลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ คงจะพูดได้ว่าหนุ่มเอเชียเน้นการแก้ไขหน้าตาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนรูปร่างคือสิ่งที่รองลงมา อันดับ 5 คือการดึงหน้า ความแตกต่างอีกประการหนึ่งของศัลยกรรมความงามในเพศชาย คือ อายุ หรือวัย ขณะที่ตะวันตก จะนึกถึงการศัลยกรรมก็เมื่อวัยล่วงเข้าสู่วัยกลางคน หรือเรียกว่าเป็นนักบริหาร ที่จําเป็นต้องใช้รูปร่างหน้าตาในการสร้างการยอมรับในสังคม การมีรูปลักษณ์เป็นการสร้างความมั่นใจ เพื่อต่อยอดในการทํางาน
สิ่งที่แตกต่างอีกประการของหนุ่มเอเชีย คือกระแสของการเสริมความงามของเพศชายนั้น มักจะอยู่ในวัยรุ่น ผนวกกับกระแสของความอยากเป็นดารานักร้อง หรือการมีดารานักร้องเป็นไอดอลด้วยแล้ว ยิ่งทําให้อยากที่จะมีรูปลักษณ์เหมือนคนดัง ก็ยิ่งทําให้หนุ่มๆ เริ่มหันเข้าหาการทําศัลยกรรมความงามกันมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ศัลยกรรมความงาม ไม่ว่าหญิงหรือชาย กรรมวิธีการทํานั้นอาจจะไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ควรให้ความสนใจคือ การปรับตา จมูก คิ้ว คาง ขากรรไกร ควรเน้นการออกแบบให้คงรูปลักษณ์ความงามในแบบของผู้ชาย เช่น การทําจมูกของผู้ชายนั้น ควรออกแบบให้รับกับโครงสร้างของใบหน้า ไม่ว่าระดับความสูงของสันจมูก โครงร่างของจมูกที่ต้อง ดูมีเนื้อ ปีกจมูก และรูจมูกที่ไม่เล็กจนเกินไป เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้ชายที่ต้องสมบุกสมบันมากกว่าผู้หญิง ปลายจมูกไม่ควรเชิด หรืองอน จนดูคล้ายจมูกผู้หญิง ลักษณะของผิวเมื่อสอดแท่งซิลิโคนแล้ว ต้องไม่ทําให้เนื้อเยื่อบริเวณจมูกมีความแตกต่างผิดเพี้ยนไปจากผิวปกติ
เช่นเดียวกับการเสริมคาง หรือเสริมขากรรไกรด้วยซิลิโคน เพิ่มมิติความคมเข้ม ต้องเน้นเรื่องของความสมดุลของโครงสร้างใบหน้าโดยรวม และสิ่งสําคัญคือการคงลักษณะของความเป็นชายไว้ ส่วนการปลูกผมนั้น ปัจจุบันเน้นวิธีย้ายเซลล์รากผมจากท้ายทอยมาปลูกบริเวณหน้าผาก ระยะเวลาที่เห็นผล ขึ้นอยู่กับพื้นที่ในการปลูกย้ายเนื้อเยื่อ หากมีบริเวณกว้าง อาจต้องใช้เวลานานระหว่าง 3-6 เดือน
ในกรณีของหนุ่มสูงวัย การดึงหน้าเป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ไข คนไข้ที่ต้องการรับการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ ควรมีข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม เช่น มีรอยย่น จํานวนมากเกินกว่าวิธีอื่นจะจัดการได้ ข้อควรรู้ประการหนึ่งคือ การดึงหน้าของหนุ่มๆ นั้นจะซ่อนรอยแผลได้ยากกว่า อาจมีการเลื่อนของตําแหน่งจอนข้างใบหูได้ค่อนข้างมาก
การกําจัดไขมันในส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น ปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมทั้งหญิงและชาย การดูดไขมัน หรือ Liposuction ทําได้ตั้งแต่หน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา ฯลฯ เทคโนโลยีที่นํามาใช้ก็มีหลายรูปแบบ อย่างเช่นการสลายไขมันด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ที่ว่ากันว่ามีความปลอดภัย ไม่ทําอันตรายต่อเส้นเลือดหรือเส้นประสาท แต่ปัจจุบัน การดูดไขมันต้องการมากกว่ากําจัดไขมันส่วนเกินออก
แต่ยังมีการดูดไขมันที่เรียกว่า สลักเสลาให้เข้ารูป หรือที่เรียกว่า Liposculpture ซึ่งอาจแตกต่างจากการดูดไขมันโดยทั่วๆ ไป ตรงที่ต้องอาศัยเครื่องมือที่ทันสมัยมากกว่า บวกกับฝีมือของแพทย์ผู้ชานาญในการสลักเสลาชั้นไขมันให้ออกมาเป็นรูปตามที่ต้องการ อย่างกรณีการทํากล้ามท้องหรือซิกแพ็ก โดยหมอจะใช้เครื่องมือเจาะเข้าสู่เนื้อเยื่อ สอดท่อดูดเข้าสู่ชั้นไขมัน ซึ่งหมอจะต้องมีการวางรูปแบบการเซาะการดูดไขมันออกเป็นช่องๆ ให้ได้รูปเหมือนกับกล้ามท้อง ดูสวยงาม การทําลักษณะนี้ มีข้อจํากัดว่าจะต้องมีไขมันสะสมพอประมาณ แต่ถ้าอ้วน มีไขมันสะสมมากเกินไป การตกแต่งไขมันให้เป็นรูปทรง อาจทําได้ยาก
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
การทําศัลยกรรมความงามของเพศชาย ไม่ว่าจะทําตา ทําจมูก ดึงหน้า ดูดไขมัน ฯลฯ ก็ไม่ต่างจากเพศหญิง เพราะกายวิภาคของคนเรานั้นหมือนกัน เพียงแต่ผู้ชายจะยากกว่า เพราะผิวหนังจะหนากว่า รวมทั้งความเหนียวของพังผืดของผู้ชายก็มีมากกว่า ทําให้การเลาะ หรือการเซาะ ทําได้ยาก เมื่อเทียบกับศัลยกรรมความงามของผู้หญิง เลือดอาจจะออกมากกว่าด้วย สำหรับหนุ่มๆ ที่มีความคิดว่าอยากทำศัลยกรรมความงาม ควรไตร่ตรองถึงผลดีผลเสียให้ดีๆ ก่อน ไม่ว่าจะเรื่องของเงิน ความปลอดภัย หรือผลแทรกซ้อนอื่นๆ ว่ามันคุ้มกันหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะทําอะไรกับร่างกายหาก ไม่รอบคอบ ก็เกิดอันตรายได้ทั้งนั้น
เนื้อหาโดย Dodeden.com