เรียบเรียงข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพ กระทรวงสาธารณสุข
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี ปรับระบบการจัดการการบริการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติอันตรายถึงชีวิตให้เข้ารักษาได้ทุกที่
ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ลดปัญหาการปฏิเสธการรักษาและเก็บเงินจากผู้ป่วยก่อน ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2558 หวังให้เกิดผลภายใน 3 เดือน
เว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) รายงานว่า ณ โรงแรมดวงตะวัน จังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
แถลงผลสรุปการประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบแนวทางพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศให้ครบวงจรยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายให้การดูแลรักษาชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินให้รอดปลอดภัยที่สุดตามนโยบายของรัฐบาล
โดยสถานบริการไม่เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดสอดคล้องกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ประเมิน
และเสนอแนวทางปรับปรุงโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาได้ทุกที่ ทั่วถึงทุกคน” ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ 1 เมษายน พ.ศ.2555 เป็นต้นมา ที่พบว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินถูกโรงพยาบาลปฏิเสธการใช้สิทธิ์และถูกเรียกเก็บเงิน
รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนส่วนหนึ่งไม่เข้าร่วมโครงการ และประชาชนยังมีความเข้าใจอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่ตรงกับแพทย์
นายแพทย์สมศักดิ์กล่าวต่อว่า เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ในวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินได้กำหนดมาตรการในการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพิ่มเติม และปรับชื่อโครงการให้เป็นโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ์”
ซึ่งจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมีนาคม 2558 และจะเร่งให้มีผลใช้ในทางปฏิบัติมาตรฐานเดียวทั่วประเทศภายใน 3 เดือน โดยมีข้อสรุปดังนี้ 1.สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับคำว่าป่วยฉุกเฉิน โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ 3 สี
ได้แก่ 1.สีแดงคือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติอันตรายถึงชีวิตจำเป็นต้องได้รับการดูแลเร่งด่วน 2.สีเหลือง และ3.สีเขียว โดยผู้ป่วยฉุกเฉินสีแดงจะได้รับการดูแลตามกฎหมายการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 โดยไม่มีการถามสิทธิ์และไม่การปฏิเสธการรักษา
มีการประเมินระดับความรุนแรงภายใน 15 นาทีหลังรับผู้ป่วย และแจ้งผลประเมินให้ผู้ป่วยและญาติได้ทราบ ทั้งนี้โรงพยาบาลจะดูแลรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นจนพ้นวิกฤติ กำหนดระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังป่วยหรือ 3 วันทำการ
จากนั้นหากยังจำเป็นต้องได้รับการดูแลต่อ จะมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยไปรับการดูแลตามสิทธิที่โรงพยาบาลต้นสังกัดจนหายป่วยอย่างต่อเนื่องต่อไป
ส่วนผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มสีเหลืองและสีเขียว ซึ่งไม่ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ จะได้รับการแนะนำข้อมูลการรักษาต่อไป โดยประชาชนที่มีความเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถโทรแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
2.จะมีการจัดตั้งสำนักงานบริหารระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในโรงพยาบาล ในสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อเป็นกลไกทำหน้าที่บริหารจัดการระบบในทุกมิติบริหาร และตรวจสอบระบบการเบิกจ่ายค่าบริการ รับอุทธรณ์เรื่องร้องเรียน และมีอำนาจตัดสินใจแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชนและโรงพยาบาล ตลอด 24 ชั่วโมง
3.จะจัดตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาบริการฉุกเฉิน ประกอบด้วย ทีมวิชาการด้านระบบหลักประกันสุขภาพ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ทีมวิชาการโรงพยาบาลเอกชน โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และมีผู้บริหารสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติเป็นเลขานุการ