จะเป็นอย่างไร เมื่อหญิงสาวตัวเล็กๆ อยากหนีเที่ยวเกาหลีคนเดียว และที่สำคัญเธอไม่ได้เที่ยวเกาหลีแบบทั่วๆไป เพราะ สมาชิกหมายเลข 2328289 เจ้าของกระทู้พันทิปได้แอบหนีคนไทยไปโซนที่เงียบสงบ แหม่ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าคนไทยชอบท่องเที่ยวไม่ต่างกับคนต่างประเทศเลย ไปที่ไหนก็เจอแต่คนไทย มันเลยรู้สึกว่าเหมือนยังไม่ได้อยู่ต่างประเทศ
เราพึ่งมีโอกาสได้ไปเกาหลีใต้ครั้งแรก หลังจากที่คนครึ่งค่อนประเทศเขาไปเที่ยวกันมาแล้ว ทำให้มีรีวิวเกี่ยวกับเกาหลีใต้เยอะมากกก เยอะแบบรู้ทุกอย่าง รอแค่ไปเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้นสถานที่ ที่เรามารีวิวครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเพื่อหนีคนไทยหรอกค่ะ แค่พอไปแล้วไม่เจอคนไทยเลยเท่านั้นเองซึ่งต่างกับที่อื่นที่แอบได้ยินภาษาไทยอยู่บ่อยๆ
นี่คือสิ่งที่เจ้าของกระทู้กล่าว
1. PAJU BOOK CITY
Subway – Hapjeong Station (Line 2 or 6) Exit 1 –> Bus No. 2200, 200 (เข้าแถวแรกมีหมายเลขรถที่ป้ายและพื้นถนน หรือสังเกตว่าคนต่อแถวเยอะ) –> นั่งไปประมาณ 30 นาที่ –> พอได้ยิน Eunseokgyo Sageori ก็เตรียมลงเลย รู้สึกจะเป็นป้ายรถเมล์แรกหลังจากวิ่งมายาวนาน (ถ้าลงไม่ทันก็ไม่เป็นไรค่ะ อยู่ในบริเวณเดียวกัน)
ใครที่มาแล้วแนะนำให้แวะมาที่ตึกนี้ก่อนนะคะ Information Center
เมืองหนังสือ เป็นเมืองที่รวมเอาสำนักพิมพ์มาไว้ด้วยกันค่ะ แต่ละตึกสำนักพิมพ์จะมีสถาปัตยกรรมที่ต่างกันออกไป เหมือนกับแนวทางของหนังสือที่แต่ละสำนักพิมพ์ตีพิมพ์ขึ้นมาเช่นเดียวกัน
มีหลายคนถามว่าสร้างเมืองนี้ขึ้นมาทำไม เขาตอบว่า ‘เพื่อฟื้นฟูมนุษยธรรมที่สูญหายไปคืนมา เมืองหนังสือนั้นควรเป็นพื้นที่ให้กับมนุษย์’
บันไดที่ใช้ถ่าย MV บ่อยๆ เพลง ME-Super Junior M และ Into the New World ของสาวๆ GG (ไม่เก่าไปใช่มั้ย)
ขากลับ เรามาขึ้นรถเมล์ที่ฝั่งตรงข้ามกับป้ายที่ลงค่ะ นั่ง 2200 กลับโซล เพราะถามคนที่ป้ายรถเมล์เขาบอกว่า 200 กลับไม่ได้ ก็งงเหมือกัน (แต่ขามาเราก็นั่ง2200มาค่ะ)
ถ้าใครมาที่นี้อาจช่วยกันระวังเรื่องเสียงด้วยนะคะ เพราะเมืองเงียบมาก และเค้าทำงานกันอยู่ข้างใน
ปล. คนที่จะไป English Village Paju Camp, Heyri Art Village, หรือ Provence Village สามารถใช้เส้นทางเดียวกันได้เลยนะคะ ทางออกรถไฟใต้ดินเขาเปลี่ยนจากทางออก 2 –> ทางออก 1 ค่ะ ช่วงเราไปเขาพึ่งเปลี่ยน งงกันหมดทั้งไทยจีนเกาหลีเลย
2. Seodaemun Prison History Hall
Subway – Dongnimmun (Line3) Exit 5 เวลาเปิด 09.30-17.00/18.00 แล้วแต่ช่วงเดือน (แต่ไปดึกคงไม่สบายใจเท่าไหร่มั้งคะ 555) ค่าเข้าผู้ใหญ่คนละ 3000 วอน
จากเมืองใหม่กลับมาสู่เมืองเก่า เราไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์เรือนจำซอแดมุน ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะซอแดมุนค่ะ บ้านเมืองในย่านนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้คนที่เราพบเจอในย่านนี้ คือมีอายุค่ะ ดูสงบนิ่ง เงียบ และยิ่งใหญ่น่าเคารพ คงเป็นเพราะตึกบริเวณนี้จะสร้างอยู่บนภูเขามั้งคะ เลยดูยิ่งใหญ่ดี
พอเข้ามาข้างในบริเวณเรือนจำแล้วต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิงเลยคะ อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวสุดๆ กลายเป็นคนตัวกระจ้อยร่อยไปเลย
ยิ่งก้าวเข้าไปภายในอาคารอากาศเย็นมากกว่าข้างนอกอีก เขาบอกว่ามีคนจำนวนมากตายจากความร้อนในฤดูร้อน และหนาวตายจากความหนาวเย็นในฤดูหนาว ภายในเรือนจำแห่งนี้
หุ่นจำลองนักโทษถูกทรมานช่วงที่เราไปไม่เจอเลยคะ ไม่รู้โหดร้ายเกินไปหรือเปล่าสำหรับเด็ก เดาเอานะคะ
3. KYUNGHEE UNIVERSITY
Subway – Hoegi Station (Line1) Exit 1
กลับมาสู่ความสดใสของฤดูใบไม้ผลิอีกรอบค่ะ
เราตั้งใจไปดูซากุระที่ม.คยองฮีค่ะ อยากถ่ายรูปตึกสวยๆที่มีซากุระเป็นองค์ประกอบ แต่ก็นั้นแหละค่ะ ไปเร็วไปหน่อย ยังไม่บาน…
ตึกที่นี้สวยงามอลังการมากเลยค่ะ อยากเห็นอะไรแบบนี้ ไม่ต้องไปไกลถึงยุโรปแล้วค่ะ
ตึกที่ดูเหมือนโบสถ์หลังนี้สร้างอยู่บนภูเขา กว่าจะเดินขึ้นไปถึงต้องเดินขึ้นเขาชันมาก แต่ก็คุ้มค่าความพยายาม สวยงามจริงๆค่ะ รู้สึกเป็นคนตัวจ้อยในโลกใบโต เมื่อเทียบกับธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่งดงามนี้
ตลอดเวลาที่เที่ยวเกาหลีใต้อย่างพระราชวังรวมถึงมหาลัยแห่งนี้ จะเห็นเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา รู้สึกเป็นการปลูกฝังในด้านที่ดีนะคะ ให้เด็กได้เรียนรู้อดีตและอนาคต เพื่ออาจเป็นส่วนเล็กๆสำหรับปัจจุบันของพวกเขาว่าจะเลือกดำเนินชีวิตกัน อย่างไร
จบแล้วค่ะ รีวิวเล็กๆอันแรกของเรา ไม่ค่อยมีอะไรมากแค่อยากมาอวดรูปที่ไปเห็นมาคนเดียวให้คนอื่นดูบ้างเท่านั้นเอง 555
การไปเที่ยวคนเดียว ได้อยู่กับตัวเองดีค่ะ และอย่างที่หลายๆกระทู้บอกเกาหลีเป็นประเทศที่ผู้หญิงก็เที่ยวคนเดียวได้ ปลอดภัยไปไหนมาไหนก็สะดวกแต่ก็ต้องระวังตัวด้วยเหมือนกันนะคะ อาจจะมีเหงาหน่อยตรงที่เจอโอปป้าหล่อๆแล้วไม่มีใครคอยกรี๊ดด้วยแค่นั้น ><