เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม เกิดฝนตกอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานานและพายุลมแรงโหมกระหน่ำบริเวณชายหาด “โกต ดาซูร์” (Côte d’Azur) แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 13 คน
เป็นปรากฏการณ์ที่น่าหวาดกลัวเมื่อกระแสน้ำไหลหลากท่วมถนนในเมืองคานส์และเมืองนีซ กระแสน้ำไหลผ่านถนนพรอมเมอนาร์ดเดซ์อองเลส์ (Promenade des Anglais) ที่มีชื่อเสียง ทำให้เกิดดินโคลนถล่มที่อันตรายมาก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ และยังอาจจะเพิ่มขึ้นอีกในเขตอัลปส์มาริทิมส์ (Alpes-Maritimes)
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องทำงานอย่างยากลำบากมากเพื่อที่จะเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ทำให้คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจจะมีเพิ่มขึ้นอีก มีการจัดเตรียมสถานที่รับรองผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินในทุกเขตที่ประสบปัญหาและมีการร้องขอหน่วยกู้ภัยเพิ่มเติมจากเขตอื่นมาสมทบอีกด้วย
นายเดวิส ลิส์นาร์ด นายกเทศมนตรีเมืองคานส์กล่าวว่า “มีรถยนต์หลายคันที่ถูกกระแสน้ำพัดพาลงไปในทะเล” บางพื้นที่น้ำท่วมสูงถึงครึ่งประตูรถยนต์ มีต้นไม้หักล้มระเนระนาดบนถนนเลียบชายหาด “ถนนพรอมเมอนาร์ดเดซ์อองเลส์” (Promenade des Anglais) ที่เมืองนีซ
โดยพื้นที่ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของฝรั่งเศส มีนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษและเดนมาร์กจำนวนกว่า 500 คนต้องติดค้างอยู่ที่สนามบินเมืองนีซ ขบวนรถไฟกว่า 10 ขบวนต้องติดค้างอยู่ตามสถานีทางตอนใต้ของฝรั่งเศสโดยมีผู้โดยสารหลายร้อยคนอยู่บนขบวนรถไฟ ถนนสายรองหลายสายไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนี้ 35,000 ครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยอยู่ในเขตเมืองคานส์ 14,000 ครัวเรือน
นายมานูเอล วัลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสอยู่ระหว่างการเยือนกรุงโตเกียวได้แสดงความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ภัยพิบัติในครั้งนี้และส่งกำลังใจถึงครอบครัวผู้ที่สูญเสียผู้ใกล้ชิดจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อเช้าวันอาทิตย์ เขาได้ทวีตข้อความว่า “รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับผลกระทบจากเหตุการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต”