กลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน สำหรับกรณี นักถ่ายภาพรายหนึ่ง เดินทางไปถ่ายภาพวิว บนอาคาร สาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ตึกร้างสูง 50 ชั้น ตั้งอยู่บน ถ.เจริญกรุง ตรงข้ามวัดยานนาวา แล้วเจอศพผู้เสียชีวิตผูกคอ อยู่บริเวณห้องน้ำชั้นที่ประมาณ 30 กว่าของตึก
ด้วยความตกใจจึงรีบวิ่งลงมา ก่อนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีผู้รับสาย และเจ้าหน้าที่บางส่วน ไม่ให้การใส่ใจเท่าที่ควร กระทั่งนั่งรถไฟฟ้าไปถึงสถานีปลายทาง เพื่อกลับบ้านย่านศาลายา พร้อมทั้งตั้งกระทู้ผ่านเว็บไซต์ชื่อดัง เพื่อเล่าประสบการณ์ดังกล่าว
แต่กลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจเป็นเรื่องที่กุขึ้น เนื่องจากมีการประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัย ไปตรวจสอบแล้ว กลับไม่พบผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ทั้งหมด จึงถอนกำลังกลับ
จากนั้น ผู้ตั้งกระทู้ ทราบชื่อต่อมา นายนัฐวัฒน์ วเสถียร ได้โทรเข้ามายืนยันกับทาง จส.100 อีกครั้งว่า พบศพที่ตึกดังกล่าวจริง พร้อมเดินทางมาจากบ้านย่านศาลายา เพื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่ เดินเท้าขึ้นตึก เพื่อเข้าตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
กระทั่ง เจ้าหน้าที่กู้ภัย พบศพชายชาวต่างชาติ สูงประมาณ 175 ผิวขาว ผมยาว สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงสามส่วน รองเท้าผ้าใบ ดูจากการแต่งกายคาดว่า อายุประมาณ 30 ปี ผูกคอเสียชีวิตกับคานภายในห้องน้ำ บริเวณชั้นที่ 43 คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-5 วัน ใกล้กันพบขวดน้ำ ซองบุหรี่ บันไดไม้ ซึ่งต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า อาคาร สาธร ยูนีค ทาวเวอร์ ตึกร้างสูง 50 ชั้น สถานที่พบศพดังกล่าว ใครเป็นเจ้าของ ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า อาคาร สาธร ยูนิค ทาวน์เวอร์ ตั้งอยู่ย่านถนนเจริญกรุง เป็นหนึ่งในโครงการที่ประสบปัญหาด้านเงินลงทุนก่อสร้างในช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ
โครงการดังกล่าวพัฒนาโดยนายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ เดิมมีแนวคิด พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม สูง 47 ชั้น จำนวน 600 ยูนิต ราคาขาย 20,000-30,000 บาท/ตร.ม. เปิดตัวตั้งแต่ปี 33 แต่ติดปัญหาสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ ทำให้โครงการยุติลง ต่อมา ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อโครงการดังกล่าวจาก องค์กรเพื่อปฏิรูปสถาบันการเงิน (ปรส.) หลังจากบล.ไทแม็กซ์ฯ เจ้าหนี้รายใหญ่ถูกปิดกิจการและขายทอดตลาดโครงการดังกล่าว
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท รังสรรค์ แอนด์ พรรษิษฐ์ สถาปัตย์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2525 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 266/14-15 ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบสถาปัตย์ ปรากฎชื่อ นาย รังสรรค์ ต่อสุวรรณ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 มีจำนวน 6 ราย นายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ ถือหุ้นใหญ่สุด 6,996 หุ้น มูลค่า 6,996,000 บาท นาย ตามโพธ ต่อสุวรรณ นาย พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ และนาย วิลเฟรโด ซาราเบีย ชาวริน คนฟิลิปปินส์ ถือหุ้นอยู่ 1,000 หุ้น มูลค่า 1,000,000 บาท นาย เฉลิมชัย นิยมพลานึก และนาย อัมพร นิยมพลานึก ถืออยู่ คนละ 2 หุ้น มูลค่า 2,000 บาท
ล่าสุดนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ระบุว่า มีรายได้รวม 1,841,326.29 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,131,736.43 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2551 นายพรรษิษฐ์ ลูกชายนายรังสรรค์ เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า จากที่ได้เข้ามาสะสางปัญหาของสาธร ยูนิคในปี46 จนถึงปัจจุบัน การเจรจาใกล้ถึงที่สุดแล้ว โดยมีแนวคิดที่จะนำอาคารดังกล่าวขายให้แก่นักลงทุนในราคาประมาณ 1,800 ล้านบาท และนำเงินดังกล่าวใช้คืนเจ้าหนี้ ซึ่งได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน ประมาณ 500 ล้านบาท หนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทสี่พระยา จำกัด ประมาณ 100 ล้านบาท และในส่วนของลูกค้าอีกกว่า 600 ล้านบาท
“อดีตโครงการนี้ขาย20,000 บาท/ตร.ม. แต่ในปัจจุบันราคาขายประมาณ 80,000 บาทต่อ ตร.ม. ทางออกที่ดีที่สุดคือขายให้กับนักลงทุนรายใหม่ และคืนเงินลูกค้าเก่า เพราะหากจะสร้างต่อต่อใช้วงเงินเพิ่ม 1,200-2,400 ล้านบาท ”
สำหรับปัญหาการฟ้องร้องของลูกค้ายอมรับว่าได้พยายามเจรจามาตลอดซึ่งหากขายโครงการดังกล่าวได้ก็จะคืนเงินลูกค้าให้ได้มากที่สุด และก่อนหน้านี้ได้เจรจากับลูกค้าไปบ้างแล้ว โดยเชื่อว่ากว่า 90% ยอมที่จะรับเงินคืน อย่างไรก็ตาม ปัญหาในปัจจุบันคือผู้ลงทุนรายใหม่จากต่างประเทศ ที่เคยทำสัญญาซื้อตึกไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การกันสำรอง 30%
นายพรรษิษฐ์ ภายหลังจากแก้ปัญหาสาธร ยูนิค สำเร็จ จะเริ่มซื้อโครงการเก่าของบริษัทจากสถาบันการเงิน มาพัฒนาต่อให้แล้วเสร็จ ซึ่งอาจต้องตัดขายที่ดินบางส่วน อย่างไรก็ตามการดำเนินงานต่อจากนี้จะต้องพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนโครงการ บูลสกาย ทาวน์เวอร์ พัทยา มูลค่าถึง 17,000 ล้านบาทของนายรังสรรค์นั้น จะพัฒนาแบบโครงการที่อยู่อาศัยทั่วไปไม่ได้ เนื่องจากมีเงินลงทุนสูง โดยจะต้องพัฒนาในรูปแบบผสมผสาน เพื่อสร้างรายได้ส่วนหนึ่งมาเป็ฯเงินลงทุน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ทั้งหมดนี่คือ ข้อมูลอาคาร สาธร ยูนิค ทาวน์เวอร์ ตึกร้างสูง 50 ชั้น ซึ่งในช่วงเดือนก.ค.57 เกิดไฟไหม้ขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีกระแสข่าวว่าตึกแห่งนี้ โด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นิยมชมชอบที่จะเข้ามาใช้บริการขึ้นไปถ่ายภาพ และหากใครจะขึ้นไปถ่ายรูปบนตึกต้องจ่ายครั้งละ1 พันบาทให้กับคนบางกลุ่มด้วย
ก่อนจะพบผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ ผูกคอตายปริศนา อยู่บริเวณห้องน้ำชั้นที่ประมาณ 30 กว่าของตึก และปรากฎเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ ในเว็บไซต์ www.clipmass.com เขียนไว้ว่าตึกนี้สร้างไม่เสร็จแล้วกลายเป็นตึกผีสิงได้ยังไง !? ตามต้นฉบับที่ต่างชาติเอาไปลง มีการเล่าถึงความหลอนและความน่าสะพรึงกลัว จึงเป็นที่กล่าวขวัญว่าบรรยากาศเป็นตึกผีสิง จนเกิดกระแสฮิตและอยากมาเที่ยวกันนั่นเอง
หมายเหตุ : ภาพประกอบอาคาร สาธร ยูนิค ทาวน์เวอร์ จาก oknation.net ข่าวสด
ที่มา สำนักข่าวอิศรา