วันนี้ (16 ก.พ.59) นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ ได้ลงนาม ปลด และพักงาน รวมทั้งสอบสวนนักบินรวม 8 คน เนื่องจากจงใจกระทำผิดร้ายแรงต่อบริษัท หลังจากสายการบินนกแอร์ได้ยกเลิกเที่ยวบิน 9 เที่ยวบินในประเทศ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จากกรณีที่นักบินหยุดงานประท้วง ส่งผลให้ผู้โดยสารตกค้างที่สนามบินดอนเมืองจำนวนมาก เนื่องจากไม่พอใจที่บริษัทมีการปรับเพิ่มมาตรฐานการให้เข้ากับมาตรฐานของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซ่า)
ขณะที่วานนี้ (15 ก.พ.) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม(รมช.คค.) ได้เชิญผู้บริหารสายการบินที่ทำการบินเข้าและออกในประเทศ ร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาการให้บริการ โดยระบุว่าเพื่อกำชับให้การดำเนินงานและจัดทำแผนฉุกเฉินในทุกกรณี รวมทั้งได้กำชับแนวทางให้สายการบินปฏิบัติอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ หรือผู้บริหารที่สามารถตัดสินใจและบริหารจัดการความเสี่ยงได้ทันที
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีสายการบินเข้าร่วมหารือ 13 สายการบิน มีเพียงสายการบินนกแอร์เท่านั้นที่ไม่เข้าร่วมหารือโดยแจ้งเหตุผลว่าติดประชุมภายในองค์กร
โดยนายออมสินกล่าวว่ากระทรวงได้วางกรอบให้ทุกสายการบิน จัดส่งแผนฉุกเฉินดังกล่าวต่อกระทรวงคมนาคมภายใน 1 เดือน ซึ่งทุกสายการบินจะต้องเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ กับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะสามารถเข้าดำเนินการแก้ไขได้ทันทีและสั่งให้ทุกสายการบินทำตามมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค หากมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน โดยไม่แจ้งให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้าตามกำหนดให้สายการบินจัดหาอาหาร เครื่องดื่มและที่พัก ให้ผู้โดยสารตามความเหมาะสม และชดเชยค่าเสียหายเป็นเงินสดให้ผู้โดยสาร 1,200 บาททันที
หากเกิดเหตุการณ์หยุดทำการบิน จนทำให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบในการเดินทาง กระทรวงคมนาคมจะทำการตักเตือน หากมีเหตุการณ์เกิดซ้ำอีก จะมีโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการเดินอากาศ และหากเกิดเหตุซ้ำรอยเป็นครั้งที่ 3 จะมีการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บริหารเร่งชี้แจงผู้โดยสารหากเกิดเหตุฉุกเฉิน และต้องจัดหาสายการบินพันธมิตร ในการให้ความช่วยเหลือหากไม่สามารถทำการบินได้
นอกจากนี้ในวันนี้ กระทรวงคมนาคม เตรียมเชิญสายการบินนกแอร์เข้าชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้ทำหนังสือชี้แจงภายใน 3 วัน ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง)จะมีการรายงานเหตุการณ์และความคืบหน้ากรณีดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้เช่นกัน