พายุฤดูร้อนแผลงฤทธิ์อีกที่อุดรธานี พัดถล่มกลางเมือง จนโครงเหล็กป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ พังลงมาทับรถที่จอดอยู่เสียหาย สายไฟขาดจนเกิดไฟไหม้ และกระแสไฟฟ้าดับ ส่วนที่ศรีสะเกษ ต้นสักที่ปลูกไว้ริมถนนทางเข้าเมือง ล้มขวางถนนกว่า 10 ต้น…
เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 12 มิ.ย.58 ได้เกิดพายุฝน ลมพัดแรงในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังพายุสงบทำให้ถนนหลายแห่งมีน้ำท่วมขัง เนื่องจากระบายไม่ทัน พายุยังทำให้แผ่นสังกะสี วัสดุป้ายโฆษณา และสปอร์ตไลท์บนตึกร้านณัฐ มอเตอร์เซลล์ บริเวณสามแยกศูนย์การค้ายูดีทาวน์ ถนนโพธ์ศรี พังตกลงมาตัดสายไฟฟ้าขาด ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดไฟไหม้ ก่อนที่โครงป้ายขนาดใหญ่ ซึ่งทำด้วยเหล็ก และแผ่นสังกะสีบนตึกสูง 3 ชั้นจะพังตามลงมา ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าบริเวณดังกล่าว ดับตลอดทั้งสาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เทศบาลนครอุดรธานี ปภ.อุดรธานี และมูลนิธิส่งเสริมธรรมอุดรธานี เข้าตรวจสอบบริวเวณที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ 2 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 ที่จอดอยู่ริมฟุตปาท ถูกเหล็กป้ายหล่นทับได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ไม่ผู้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าว ติดอย่างหนัก
จากการสอบถามลูกจ้างร้านก๋วยจั๊บ ใกล้ที่เกิดเหตุ เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังเสิร์ฟอาหาร มีลูกค้านั่งอยู่เต็มทั้งภายนอกและในร้าน ได้เกิดฝนตกลมกระโชกแรง ทำให้ป้ายโฆษณาและสปอร์ตไลท์ตกลงมาเกิดไฟลุกไหม้ ลูกค้าต่างหวีดร้องด้วยความตกใจ และวิ่งหลบเข้ามาในร้านเนื่องจากมีไฟไหม้ที่สายไฟ ตนจึงออกไปดู พบป้ายโฆษณาทีวีดิจิตอลขนาดใหญ่ตกลงมาตัดสายไฟและทับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมฟุตปาธ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อเจ้าของป้ายโฆษณา เพื่อเคลื่อนย้ายป้ายออกจากเส้นทาง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเช้า เพราะต้องนำรถเครนขนาดใหญ่มายกโครงเหล็กออกจากสายไฟฟ้า ขณะที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เร่งซ่อมระบบสายไฟ เพื่อให้ประชาชนได้มีไฟฟ้าใช้อย่างเร่งด่วน
ส่วนที่จ.ศรีสะเกษ ช่วงเวลาเดียวกัน อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ มูลนิธิสว่างจิตศรีสะเกษธรรมสถาน และเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองศรีสะเกษ ช่วยกันตัดต้นไม้สักขนาดใหญ่ที่หักโค่นล้มขวางถนนทางหลวงหมายเลข 221 สายศรีสะเกษ-กันทรลักษ์ กม.ที่ 8-9 ช่วงบ้านโพนค้อ ต.โพนค้อ อ.เมืองศรีสะเกษ ปิดช่องทางจราจรขาเข้าตัวเมืองศรีสะเกษหนึ่งช่องทาง รถวิ่งเข้าเมืองไม่ได้ ส่วนรถที่วิ่งออกจากตัวเมืองศรีสะเกษ ต้องค่อยขยับไปทีละนิด ทำให้รถติดยาวร่วม 1 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งใช้ทั้งเลื่อยโซ่ยนต์ มีด และขวาน ตัดทอนกิ่งไม้เพื่อที่จะให้รถสามารถวิ่งผ่านได้ ภายหลังเกิดลมพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำ และมีฝนตกลงมาตั้งแต่ช่วงเวลา 17.00 น. จนกระทั่ง 19.00 น.เศษ ทำให้ต้นไม้สักขนาดใหญ่ที่ปลูกไว้เรียงรายสองข้างทางถนน โค่นล้มลงเป็นแถวยาวกว่า 1 กิโลเมตร มีต้นไม้สักหักโค่นกว่า 10 ต้น เจ้าหน้าที่ต้องทำงานท่ามกลางสายฝน เพื่อให้รถวิ่งผ่านได้ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ รถที่วิ่งมาในเวลากลางคืนซึ่งถนนมืด อาจเกิดอุบัติเหตุได้