ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

เรียบเรียงโดย : โดดเด่นดอทคอม

ปู-ทรงกฤษณ์ ประกอบผล” พิธีกรดังตัดสินใจซื้อป้ายห้ามจอดมาวางในซอยปรีดีพนมยงค์ 2 หลังถูกตำรวจล็อกล้อข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด

EyWwB5WU57MYnKOuXuVyo6FGsGMu4cLeefP7LYF7iTBgE5iThMJhDq

สมาชิกเว็บไซต์เฟซบุ๊กชื่อว่า Songkrit Prakobphon หรือ “ปู-ทรงกฤษณ์ ประกอบผล” ผู้ดำเนินรายการ คนเบิกทาง ของทางช่องไทยรัฐทีวี ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 3 นาที เหตุการณ์ที่เจ้าตัวได้จอดรถไว้ริมทางเท้าที่ซอยปรีดีพนมยงค์2 แต่ถูกตำรวจล็อกล้อข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด ทำให้ปูตัดสินใจเดินทางไปซื้อป้ายสัญลักษณ์ห้ามจอดมาวางไว้ เผื่อคนอื่นจะไม่ได้ถูกล็อกล้ออีก ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปที่ สน.คลองตัน เพื่อจ่ายค่าปรับ

NjpUs24nCQKx5e1D7IEewiG7dcL5WROUAlew8hGCXSY (ขอบคุณภาพจาก รายการคนเบิกทาง)

ปู ทรงกฤษณ์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ต. ที่ผ่านมาตนได้นำรถไปจอดทำธุระที่ ซอยปรีดีพนมยงค์ 2 ประมาณ 20 นาที พอกลับมาก็พบว่าเราตัวเองถูกล็อกล้อ ทั้งๆ ที่มีรถคนอื่นก็จอดอยู่และจอดกลับหัวด้วยแต่ไม่โดนล็อกล้อเหมือนของตน ด้วยความสงสัยเลยพยายามเดินหาป้ายห้ามจอดบริเวณนั้น แต่ก็หาไม่พบ พอไปถามวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วินตอบว่า อยู่ฝั่งตรงข้าม กับที่รถตนจอด อยู่บนต้นไม้สูงประมาณ 5 เมตร ถ้าไม่สังเกตจริงๆ ก็ไม่มีใครมองเห็น

จากการพูดคุยกับวินมอไซต์ ทำให้รู้ว่า คนในซอยก็เริ่มบ่นปัญหาเรื่องของตำรวจเข้ามาเก็บใบสั่ง ทั้งๆ ที่ไม่มีป้าย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ที่อยากให้ ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาทำป้ายติดไว้ให้ชัดเจนกว่านี้  ตนเลยตัดสินใจซื้อป้ายห้ามจอดมาตั้งแทน คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อนเสียค่าปรับเหมือนกรณีนี้อีก

NjpUs24nCQKx5e1D7IEewiG7dcL5WRNP6qFLdwtCWXs(ขอบคุณภาพจาก รายการคนเบิกทาง)

“ผมแค่ไปยื่นใบสั่งจ่ายค่าปรับ แล้วบอกตำรวจว่า “ตรงนั้นไม่มีป้ายนะ ผมซื้อป้ายมาติดตั้งแต่ให้แล้วนะพี่” เราก็จะพยายามที่จะบอกเจ้าหน้าที่แหละ ไม่มีป้ายเตือน แต่เขาก็ตอบกลับมาว่า เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานที่อยู่ ณ พื้นที่บริเวณนั้น”

“ป้ายนี้หาซื้อได้เลย ประชาชนเราก็สามารถจะซื้อป้ายได้ ถ้าเห็นตรงไหนผิดเพี้ยนมีโอกาสเกิดอันตราย เราก็สามารถซื้อป้ายมาติดตั้งไว้ได้ คือในฐานะที่เราเห็นว่าบริเวณนี้จะก่อให้เกิดอันตราย ถ้าเราเห็นแล้ว ไม่แจ้งเตือนถือว่าเราผิด ก็เป็นวิสัยทัศน์ของเรา เรารู้สึกมันเป็นบาป ก็ต้องเตือนคนอื่นได้รู้ด้วย เคสต่อไปไม่น่าจะโดนถูกปรับเหมือนเราอีก”

ปู ทรงกฤษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ทำไปไม่ได้ทำเพื่อความซะใจ แต่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าการทำไปแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่ดี แต่อย่างน้อยก็ได้ทำ

“ถ้าเราไปเป็นไอดอล ถ้าทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มันจะทำให้รู้สึกว่าไม่ดี อย่างน้อยทำอะไรก็ตาม เราทำให้มันถูกต้องเถอะ เราก็จะมีความสุข ทำให้เห็นว่า เราทำดี ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดแล้ว สรุปคือทำดีก็มีความสุขแล้ว”

เรื่องน่าสนใจ