เป็นอีกหนึ่งเกย์ที่เข้าประกวดเวที Mr.Gay World Thailand 2018 และถึงแม้จะพลาดตำแหน่งไปอย่างน่าเสียดาย แต่เขาก็ทำหน้าที่ของเขาออกมาอย่างดีที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้โดดเด่นดอทคอมสนใจในเรื่องราวของ ฟลุก ธนพงษ์ นั้นคงเป็นเพราะ เขาเป็นเกย์หนุ่มที่มีเรื่องราวความรักที่น่าสนใจ เพราะเขากับแฟนหนุ่มที่สไตล์นั้นแตกต่างกันสุดขั้วอย่าง ตี๋ จักรบวร แต่ปัจจุบันก็คบหารักกันมาได้นานกว่า 5 ปี แล้ว!
เพราะฟลุก ธนพงษ์นั้นเป็นเกย์หนุ่มสไตล์คมเข้มไทยๆ แต่ตี๋ จักรบวรแฟนหนุ่มของเขาเป็นหนุ่มหน้าตี๋น่ารักแบบเกาหลี และจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่รู้จักกันนั้นมาจากแอพพลิเคชั่นหาคู่ของเกย์ ที่หลายๆ คนมองว่ามันเป็นเพียงแอพพลิเคชั่นที่ทำให้คนรู้จักกันอย่างฉาบฉวย แต่เขาก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ไม่ใช่ทั้งหมดของเหล่าบรรดาเกย์ บางคนก็สามารถคบหาดูใจกัน เข้าใจกันได้อย่างยาวนานเหมือนอย่างคู่เขานั่นเอง ไปทำความรู้จักกับทั้งคู่และเรื่องราวของเขากันเลยดีกว่าค่ะ
สวัสดีค่ะ อยากให้ทั้งคู่ช่วยแนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักกันก่อนสักหน่อยค่ะ
ฟลุก : “สวัสดีคับผม นายธนพงษ์ ชนะ ชื่อเล่น ชื่อฟลุก ปัจจุบัน อายุ 30 ปีแล้วคับ ปัจจุบันเป็นพนักงานบริษัท คบกับตี๋มาประมาณ 5 ปีกว่าแล้วคับ”
ตี๋ : “สวัสดีครับ ชื่อตี๋ จักรบวร แพร่ไชยกูล อายุ 22 ปี สูง 175 หนัก 71 เป็นรับสาว พูดอ่านเขียนจีนกลางได้ ชอบผู้ชายผิวเข้ม ไว้หนวด ดูเป็นผู้ใหญ่ และหุ่นดี ปัจจุบันทำงานเป็นฝ่ายแอดมินและเมเนเจอร์รถและไดเวอร์ของบริษัทจีนยักษ์ใหญ่ คบหาแฟนมา 5 ปี 3 เดือนแล้วครับ”
อยากให้ทั้งคู่ช่วยเล่าเรื่องราวที่ทำให้ทั้งสองคนมารู้จักกันจนมาคบหาดูใจกันจนถึงตอนนี้ในมุมมองของตัวเองหน่อยค่ะ
ฟลุก : “เรารู้จักครั้งแรก ผ่าน โปรแกรมแชท สีชมพู Jack-D นั่นแหล่ะคับ แต่จริงๆ ผมแอบมองเขามาก่อน ครั้งแรกที่ผมเจอคือ เขาใส่ชุดนักเรียน แต่กางเกงเขาค่อนข้างยาว ตัวอวบๆ ขาวๆ น่ารักดี ผมเจอเขายืนรอรถ อยู่ประมาณ 3 ครั้ง พอผมเจอใน Jack-D ผมก็เลยรีบทักแชทไป ครั้งแรกที่คุยกัน วันที่ 3/11/2012 วันที่คบกันคือวันที่ 9/11/12 ยอมรับว่าแรกๆ กังวลมาก ถึงขนาดว่าผมนับวันว่าเราคบกันได้กี่วันแล้ว จนถึงประมาณ 3 เดือน ผมจึงเริ่มปล่อยๆ ไม่นับ คบกันไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็ 5 ปีกว่าแล้วครับ”
ตี๋ : “แรกๆ คุยกันในแอพฯ หาคู่ แล้วนัดเจอกัน ครั้งแรกที่เจอก็รู้สึกเฉยๆ แอบคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ขี้เหร่ แต่งตัวเหมือนพวกเสี่ยวๆ หุ่นก็ผอมแห้ง แต่พอรู้จักกันเรื่อยๆ ก็รู้สึกเค้าดูเป็นผู้ใหญ่ที่ค่อยชี้แนะเวลาผมเจอปัญหา เหมือนพ่อและพี่ชายอีกคน เหมือนกับว่าเราเลิกดูคนจากภายนอก และเริ่มรู้สึกชอบเขาจากนิสัย จนทำให้เราทั้งสองก็คบกันจนถึงทุกวันนี้”
อยากทราบว่าต่างคนต่างประทับใจอะไรในตัวของอีกฝ่ายคะ ที่ทำให้คบกันมาได้ถึงทุกวันนี้
ฟลุก : “ผมประทับใจที่เขาเป็นคนขยันทำงานหาเงินด้วยตัวเอง เขารับข้อเสียของผมได้ บางเรื่องเป็นเรื่องใหญ่มาก ผมว่าเป็นคนอื่นคงทิ้งผมไปแล้ว แต่เพราะเป็นเค้า ผมถึงคบมาได้ถึงทุกวันนี้ อีกอย่าง คือตลอดที่เราคบกันมา 5 ปี แทบไม่ทะเลาะกันเลย หรือทะเลาะคือเรื่องเล็กน้อยมาก แต่นอนว่าไม่เกิน 1 วัน ก่อนที่เราจะนอนผมกับเค้าจะรีบคุย ไม่เก็บปัญหาสะสมไว้ หรือเพราะผมกับเค้าเป็นคนโกรธง่าย หายเร็วทุกคู่ เลยคบกันได้สบายใจ และที่สำคัญ เค้าทำให้ผมรู้จักรักและพัฒนาตัวเอง ส่วนนึงที่ผมหันมาดุแลตัวเอง เข้าฟิตเนสก็เพราะเค้า อยากดูดี อยากเป็นคนมีคุณค่าในตัวเค้า อยากให้เค้าภูมิใจที่มีผมเป็นแฟน”
ตี๋ : “อันดับแรกคือการช่วยเหลือและให้ความเคารพ ต่อให้เค้าทำให้เราทุกอย่าง เราควรมีน้ำใจช่วยเค้าเท่าที่ทำได้ ถึงแม้จะทำได้ไม่เก่ง แต่น้ำใจเต็มร้อยมาก อันดับสองคือการปรับตัวและความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะทะเลาะเบาะแว้ง ต่างคนไม่เข้าใจ พูดจาดูถูกกัน แต่สุดท้ายต่างคนก็ยอมรับสิ่งที่ทำ เรียนรู้ว่าอันไหนผิดหรือถูก และปรับความเข้าใจให้ตรงกัน อันสุดท้ายที่ไม่ควรลืมเลยคือความรัก การคบกันไม่จำเป็นต้องใช้ฐานะว่าแฟน เป็นได้ทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้อง ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน แต่ทุกวันนี้ก็บอกรักและคิดถึงก่อนนอนนะครับ ถ้าคนไม่เดินผ่านก็จะแอบหอมแก้มหอมหัวกัน 555”
คบกันมาถึง 5 ปีแล้ว ต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายอะไรที่วางเอาไว้ในความรักครั้งนี้เพื่ออนาคตของตัวเองทั้งคู่ไหมคะ?
ฟลุก : “เป้าหมายที่วางไว้ จริงๆในอนาคต ผมก็มีแพลนจะแต่งงานนะ แต่ก่อนที่เราจะแต่งงาน ก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวก่อน อยากให้ครอบครัวของเราทั้งสองเห็นว่าถึงแม้ว่าเราเป้นผู้ชายทั้งคู่ มาแต่งงานกัน ก็สามารถมีชีวิตที่ดีเหมือนครอบครัวชายหญิงได้”
ตี๋ : “อยากมีบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 หลัง (ครอบครัวหลังนึง และแฟนหลังนึง) ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หากพร้อมก็จะขอบุตรมาเลี้ยงดูเป็นลูกบุตรธรรม แต่ก่อนจะมีบ้าน ผมอยากไปแต่งงานที่ไต้หวัน เพราะประเทศนั้นได้เปิดโอกาสให้ LGBT แสดงถึงสิทธิเสรีภาพที่ชาวเกย์จะมีกฎหมายให้เพศเดียวกันแต่งงานได้ รวมถึงผมก็อยากพัฒนาทางภาษาที่สองของผมด้วย”
สุดท้ายนี้ อยากให้พูดทิ้งท้ายถึงความรักของบรรดาเหล่า LGBT หน่อยค่ะ เพราะคู่ของคุณฟลุกกับตี๋ก็เหมือนทำให้คนอื่นได้รู้ว่า การรู้จักกันผ่านแอพฯ ไม่จำเป็นต้องฉาบฉวยเสมอไปค่ะ
ฟลุก : “ฝากถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ LGBT และชายหญิงทุกคนนะคับ ให้ความรักเป็นพลังบวกในการสร้างสรรค์ หรือพัฒนาเราไปในทางที่ดีขึ้น อย่าให้ใครมาใช้คำว่ารักมาทำลายเรา อีกอย่างหลายคู่ที่ทะเลาะกัน มักจะรอให้อีกฝ่ายมาขอโทษ หรือเก็บสะสมจากปัญหาเล็กๆ กลายเป็นปัญหาที่ใหญ่จนถึงขั้นเลิกลา โดยส่วนตัวผมมักจะพูดขอโทษก่อน ไม่ว่าใครจะผิด แล้วเมื่ออีกฝ่ายเย็นลง เราค่อยมาปรับความเข้าใจกัน ถ้ายังไงก็อยากฝากเพื่อนๆเอาวิธีนี้ไปใช้กับคนรัก หรือคนในครอบครัวดูนะคับ “
ตี๋ : “ความรักคือการช่วยเหลือ การเคารพ และการปรับตัวเพียงสองต่อสอง เรียนรู้พฤติกรรมทั้งสองเพื่อชินในการใช้ชีวิต ต่อให้มีทั้งดีและไม่ดี แต่ถ้าสามารถทำได้ 3 ข้อนี้ความรักก็จะยาวนานขึ้นครับ”
และนี่ก็เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ของคู่รัก ฟลุกกับตี๋ ถือว่าเป็นการส่งท้ายเทศกาลวาเลนไทน์นะคะ เป็นอีกหนึ่งคู่ที่น่ารักมากๆ และทั้งคู่ก็มีความปรารถนาดีต่อกัน ใครว่ารักแท้ในหมู่เกย์ไม่มีจริง เปลี่ยนความคิดใหม่ได้เลยค่ะ