ภาวะหลังแอ่นและหลังคด  สาเหตุหลักๆ มักมาจากการมีหน้าท้องมาก หรือช่วงสะโพกมีไขมันสะสมมาก ดึงให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง  เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทํางานได้ไม่เต็มที่ จึงไม่สามารถทําให้กระดูกอยู่ในแนวตรงได้ จึงเกิดภาวะหลังแอ่นและหลังคดขึ้น

 

ภาวะหลังแอ่นและหลังคด
ภาพจาก texasback.com

 

ภาวะหลังแอ่นและหลังคด มีแนวทางการรักษาอย่างไร และจะหายขาดหรือไม่?

หากคุณอยู่ในภาวะหลังแอ่น และยังเป็นไม่มาก ต้องฝึกแขม่วท้อง ขมิบก้น เพื่อให้แนวเชิงกรานที่แอ่นอยู่ ปรับเข้าที่ เป็นเหมือนการไปดึงให้กล้ามเนื้อหน้าท้องทํางาน เพื่อช่วยภาวะหลังแอ่น หรืออาจจะช่วยด้วยการใส่พวกชุด Back/Waist Supporter เพื่อช่วยพยุงหน้าท้อง ซ่อนกล้ามเนื้อที่หย่อนยาน ปรับกระดูกให้กลับสู่ภาวะปกติ หากเป็นมาก ไม่สามาถปรับแก้ได้ด้วยตัวเอง อาจต้องใช้วิธีทางด้านกายภาพบําบัด ซึ่งจะใช้หลักการเดียวกันกับการปรับโครงสร้างร่างกายเพื่อแก้ภาวะหลังค่อม

 

ภาวะหลังแอ่นและหลังคด
ภาพจาก spineuniverse.com

 

ส่วนสภาวะหลังคดนั้น สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น คนที่ชอบยืนพักขา นั่งไขว่ห้าง นั่งเท้าแขน ยืนพิง ฯลฯ ทําให้กล้ามเนื้อเคยชินกับท่าทางต่างๆ เหล่านี้ เพียงด้านเดียวเป็นประจํา จนทําให้กล้ามเนื้อเปลี่ยนรูป ฝั่งหนึ่งหดสั้น ฝั่งนึงยืดยาวออก จนดึงให้กระดูกสันหลังบิด จนเกิดเป็นกระดูกสันหลังงอคดได้ ซึ่งการแก้ไขมักไม่ง่ายเหมือนกระดูกหลังแอ่น เพราะเป็นเฟรมด้านข้าง ไม่สามารถไปทดแทนฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้ การปรับด้วยตัวเอง อาจจะทําให้คดมากกว่าเดิม เช่น มีสะโพกข้างหนึ่งยก ต้องการจะยกอีกด้านให้เท่ากันคงทําไม่ได้ หรือข้างนึงไหล่ตก จะดึงไหล่อีกข้างนึงขึ้นมาก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะต้องดัดจากกล้ามเนื้อด้านใน ที่จะช่วยยืดให้กระดูกตรง จะตัดจากด้านนอกไม่ได้

การปรับด้วยวิธีการด้านกายภาพบําบัด จะเป็นการไปแกะแต่ละข้อของกระดูกให้เข้าที่ ด้วยหลักการที่ว่า กระดูกอยู่ได้ด้วยกล้ามเนื้อ การปรับจึงต้องปรับตั้งแต่กล้ามเนื้อไปหากระดูก แต่จะไม่ใช้การดัด เพราะการดัดเป็นการจัดการแบบเร็วและแรง อาจเกิดอันตรายได้ เพราะกล้ามเนื้อมัดลึกเป็นทางผ่านของเส้นประสาทและหลอดเลือดใหญ่ที่ออกมาจากแนวกระดูกสันหลัง แต่จะใช้หลักการนวดเพื่อบริหารกล้ามเนื้อชั้นลึก ที่มีผลต่อกระดูกและสันหลังให้สมดุล ซ้าย-ขวา หน้า-หลัง เพื่อให้กล้ามเนื้อดึงกระดูกกลับเข้าที่

•••••••••••••••••••••••••••••••••••

หลังจากเข้ารับการรักษาแล้ว เรื่องอาหาร และการใช้ชีวิตประจำวัน จะทำได้ตามปกติ แต่เราจะมีความรู้มากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงที่สุด เป็นการปฏิบัติจากตัวเราเองค่ะ

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ