กระจกวิเศษจงบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี!! ไม่ได้มีแต่แม่เลี้ยงใจร้ายของเจ้าหญิงสโนว์ไวท์เท่านั้น ที่ปรารถนาจะงามเลิศอมตะยืนยาว เพราะในชีวิตจริงไม่อิงเทพนิยาย ใครๆก็ต่างใฝ่ฝันอยากเป็นอมตะ และเก็บความเป็นหนุ่มสาวสะพรั่งไว้ชั่วนิรันดร์ สุดยอดความปรารถนาของมนุษย์ลุงและมนุษย์ป้ายุคนี้ จึงหนีไม่พ้นความเป็นอมตะเหนือกาลเวลา ต่อให้ต้องดั้นด้นเสาะแสวงหาขนาดไหน ก็ยอมทุ่มเทหมดตัวหมดใจ เพื่อแลกกับการเอาชนะแรงโน้มถ่วง!!
“เสี่ยแป๋ง–สมใจนึก เองตระกูล” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการบริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) วัย 71 ปี ผู้ผันตัวมาเป็นเจ้าพ่อบิวตี้กูรูเมืองไทย ยังดูฟิตแอนด์เฟี้ยวไปทุกองศา ก็เพราะพบจุดเปลี่ยนชีวิตตอนอายุ 50 ต้นๆ ทำให้กระโดดเข้าสู่วงการศัลยกรรม!! โดยเสี่ยแป๋งเล่าหมดเปลือกแบบไม่แอ๊บว่าผมดูแลตัวเองเพราะเชื่อว่าคนเราควรดูแลรักษาบุคลิกภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้แก่ย่นไปตามอายุ ไม่ต้องอายเลยที่จะทำศัลยกรรม!! ไม่ใช่ทำงานหนักมีเงินเยอะ แต่หน้าตาดูแย่ ส่วนหนึ่งของเพอร์ซันแนลลิตี้คือ หน้าตาของเราต้องดูไบรท์ดูสดใส ไม่หมองคล้ำ เราต้องพยายามดูแลตัวเองให้หนุ่มที่สุดเท่าที่จะทำได้!! ผมได้รู้จักกับ “หมอมนัส” เมโกะ คลินิก (นพ.มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์) ตั้งแต่อายุ 50 ต้นๆ หมอก็ใส่ให้ผมทุกอย่าง ตั้งแต่ทำตา, ทำหน้า
และยิ่งพอลูกสาวผมมาทำคลินิกคือ “บีบี คลินิก แอนด์ บิวตี้ เซ็นเตอร์” มีเทคโนโลยีความงามอะไรมาใหม่ ผมจะทำก่อนคนแรกเลย ผมลองมาแล้วทุกอย่างจริงๆ ชื่นชอบการยกกระชับหน้าด้วยเทอร์มาจที่สุด รู้สึกว่าลงได้ลึกและได้ผลดีที่สุด ทำให้หน้ากระชับเป๊ะ!! ทำครั้งหนึ่งอยู่ได้ 2 ปีสบายๆ สำหรับผมไม่มีเทคโนโลยีตัวไหนที่เจ็บจนทนไม่ได้ เพราะชินแล้ว เวลาทำหมอจะบิดสุดเลย ผมทำหน้าเฉลี่ยทุก 2 ปี และไปเติมโน่นนิดนี่หน่อยทุก 2 อาทิตย์ เพื่อเมนเทนเอาไว้ ส่วนใหญ่จะทำอาร์เอฟเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน คนเราหนีแรงโน้มถ่วงโลกไม่ได้ ทำไปพักหนึ่งมันก็ต้องห้อยลงอีก การทำเทอร์มาจจะช่วยยกกระชับ และไม่ทำให้หน้าเหี่ยวย้อยลงมาอีก แต่ก็ต้องดูแลตัวเองเพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วหยุดยาว เร็วๆนี้ผมยังอยากจะร้อยไหมเพิ่ม เราควรทำหลายๆเทคโนโลยีผสมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีสุด คนเราไม่ควรอายเรื่องพวกนี้ อย่างที่เกาหลีพ่อแม่ให้ของขวัญลูกด้วยการทำจมูก ผมว่าแบบนี้ถูกต้องเลย ทำแล้วดูดีเสริมบุคลิกเราก็ควรทำ แต่ไม่ใช่ทำเยอะซะจนหน้าเปลี่ยนเป็นคนละคน อันนี้เสพติดศัลยกรรม ผมจะไม่ทำเด็ดขาดถ้าทำให้โหงวเฮ้งเสีย โดยเฉพาะจมูกโด่งปรี๊ดทำลายโหงวเฮ้งทุกราย!! แต่จุดที่เหี่ยวย่นหย่อนคล้อย อันนี้สมควรทำให้ตึงกระชับ จุดที่ทนไม่ได้เลยคือ รอยย่นระหว่างคิ้ว มีแล้วทำให้ดูตรากตรำและแก่มาก ผมลองฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ ปรากฏว่าเวิร์กเลย ส่วนพวกตีนกา แค่จิ้มโบท็อกซ์นิดหน่อยก็หายหมดแล้ว ยิ่งทำบ่อยๆก็จะหนุ่มได้นานขึ้น ชีวิตนี้กลัวแก่ที่สุด!! ถ้าเราปล่อยตัวให้แก่ให้โทรม โรคภัยทุกอย่างมันมาหมด เพิ่งรู้สึกว่าเริ่มแก่ก็ตอนอายุ 70 นี่แหละ (หัวเราะ) ตอนนี้ต้องระวังสุขภาพร่างกายไว้ให้ดีที่สุด จะประมาทไม่ได้
ด้านนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทย “ปุ๊ก–อาภัสรา หงสกุล” ตกเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลกออนไลน์เมื่อหลายเดือนก่อน เพราะจู่ๆก็สวยสาวขึ้นผิดหูผิดตา ทั้งๆที่อายุรุ่นย่า 67 ปีแล้ว ลือกันหึ่งว่า แอบย่องบินไปเข้าคอร์สย้อนวัยอัพสาว ยกเครื่องทำสวยทั้งตัว โดยทุ่มเงินไปถึง 2.5 ล้านบาท!! เจอตัวจริงเสียงจริงนางงามจักรวาลในตำนานของคนไทย ยอมรับสารภาพว่าทำจริง!! แต่ไอ้ที่ทำให้สวยให้สาวมาจากการสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน ซึ่งคุณแม่ปลูกฝังไว้ และหมั่นเข้าวัดทำบุญ เรื่องอาหารการกินก็จะไม่ทานสัตว์ที่มีชีวิตเลย การออกกำลังกายตั้งแต่สาวๆก็ช่วยให้หุ่นเฟิร์มจนถึงทุกวันนี้ ชีวิตนี้ไม่ออกกำลังกายไม่ได้ เพราะจะทำให้ป่วยเป็นภูมิแพ้
อีกหนึ่งท็อปซีเคร็ตที่เพิ่งค้นพบคือ จะทานไข่ต้มทุกวัน วันละ 7 ฟอง โดยเลือกทานเฉพาะไข่ขาวช่วยเสริมคอลลาเจน ทำให้หน้าใสเด้งเลย ส่วนสาเหตุที่ทำให้สาวขึ้นผิดตาคงเพราะเพิ่งประสบอุบัติเหตุแขนหัก ทำให้ไปไหนมาไหนไม่ได้ จึงมีเวลาพักผ่อนและดูแลตัวเองเต็มที่ เรียกว่าต้องเข้าสปา Apasra’s เพื่อทำสวยแบบวันเว้นวัน ทำหมดทุกอย่างที่มีในร้าน ที่ทำบ่อยสุดคือการทำคอร์สทรีตเมนต์มาสก์หน้าด้วยคอลลาเจน, โบท็อกซ์ และวิตามิน เพื่อให้ค่อยๆ ซึมเข้าสู่ผิวหน้า ทำให้หน้าเด้งใสแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งเหมือนพลาสติก ขณะเดียวกัน หน้าคนเราก็เหมือนกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ต้องใช้เครื่องมือไฮเทคช่วยยกกระชับใบหน้าและลดริ้วรอยด้วย เพื่อช่วยออกกำลังกายกล้ามเนื้อบนใบหน้า มิให้หย่อนคล้อยตามกาลเวลา เป็นคนชอบสวยแบบเนียนๆดูธรรมชาติ เลยไม่คิดพึ่งมีดหมอทำศัลยกรรม!!
อีกหนึ่งมนุษย์พันธุ์อึดยอมสู้ตายเพื่อความสาว ต้องยกให้ “มาดามซูซี่–หทัยเทพ ธีระธาดา” นักธุรกิจอินเตอร์ วัย 71 ปี คอนเฟิร์มว่า ผู้หญิงก็เหมือนดอกไม้ ต้องดูแลรดน้ำไม่ให้เหี่ยวเฉา คนถึงอยากมอง การเก็บความอ่อนเยาว์ไว้ให้ได้มากที่สุด สิ่งแรกเลยอยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าเรามีจิตใจเบิกบานและมีความสุขในชีวิต รับรองสวยแน่นอน ความสวยความเปล่งปลั่งต้องมาจากข้างใน โดยส่วนตัวเป็นคนชอบสวดมนต์ทำบุญ เชื่อว่าตรงนี้ช่วยให้หน้าเด็กและดูอ่อนกว่าวัย ยิ่งอายุมากก็ต้องดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่เป็นคนที่ว่าจะไม่อดอาหารเลย เพราะถือคติว่าควรทานสิ่งที่อยากทานตอนที่ยังทานได้ และทานให้อร่อยอย่างพอดีๆ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่แตะน้ำอัดลม ตั้งแต่สาวๆจะออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อยครั้งละ 45 นาที พออายุมากขึ้นก็หันมาเต้นรำด้วย เพราะสนุกและได้เอ็กเซอร์ไซส์ทุกส่วน ทำให้หุ่นฟิตจนถึงทุกวันนี้
เคล็ดลับอีกอย่างคือ ต้องพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และพยายามทำจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขจากข้างในก็จะทำหมด ผิวของเราเหมือนต้นไม้ ถ้าขาดการรดน้ำจะเหี่ยวเฉา ต้องทาครีมทั้งเช้าเย็น และต้องรู้จักวิธีการทาครีมที่ถูกต้องด้วย อะไรที่ต่ำไปจากหัวไหล่จะไม่ให้ใครแตะเลย ส่วนหน้าก็ดูแลเองหมด ถึงขนาดลงทุน 20 ล้านบาท เป็นค่าครูเรียนวิชาตบหน้าเด้ง เพื่อจะได้ตบหน้าให้กระชับตึงด้วยตัวเอง และยังไปเรียนจับจุดล็อกเส้นบนใบหน้ากับอาจารย์ตั๊กม้อที่ประเทศจีน นอกจากนี้ เมื่อ 4-5 ปีก่อน ก็ควักกระเป๋า 5 ล้านบาท ร้อยไหมทองคำทั้งหน้า ทำให้หน้าใสเด้งจนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ดี ถ้าถามบิวตี้ไอดอลบาร์บี้เมืองไทย “สุมณี คุณะเกษม” ยังคงยืนยันนั่งยันว่าไม่ได้สวยเพราะศัลยกรรม แม้อายุเลยเลขเจ็ดมาแล้ว!!… “ทุกวันนี้คนรอบข้างมักถามว่า ทำไมดิฉันถึงยังดูว่ามีสุขภาพและผิวพรรณดีอยู่ ทั้งที่ไม่ได้ใช้ของราคาแพง ส่วนศัลยกรรมเคยทำรอยพับตาบนให้ชัดเจนขึ้นที่ฮ่องกงเมื่อประมาณสี่สิบกว่าปีมาแล้ว ด้วยการชักชวนและทำตามเพื่อนๆไฮโซที่นั่น ด้วยความที่พยายามทำใจให้มีความสุขและสนุกกับชีวิตบั้นปลาย ทุกวันนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำมีกิจกรรมตลอดเวลา ต้องพยายามดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ จะได้ดูสดชื่นสบายตาต่อผู้ที่พบเห็น เป็นการให้เกียรติแก่สังคม เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งกลุ่มเพื่อนชวนกันไปตรวจดวงชะตากับ “โหรโสรัจจะ นวลอยู่” ซึ่งไม่เคยรู้จักดิฉัน ดูดวงและลายมือดิฉันแล้วบอกว่าจะมีอายุถึง 120 ปี ดิฉันจะพยายามอยู่ให้ถึงวันนั้น”
ฟากเจ้าแม่พีอาร์แถวหน้าของเมืองไทย “นงนุช นามวงศ์” ผู้ไม่ยอมแพ้ความแก่ ยังคงฟิตแอนด์เฟิร์มแบบสาวรุ่น ทั้งๆที่อีก 2 ปี ก็จะ 70 เพราะมีไม้เด็ดคือ จิตใจต้องเบิกบาน ร่างกายจะได้ไม่ห่อเหี่ยวตามสังขาร เพราะถ้ามีความสุขอารมณ์ดี หน้าตาจะสดใสเปล่งปลั่งออกมาเอง ส่วนตัวช่วยอื่นๆก็มีบ้าง อยู่ที่การบำรุงและดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เสียดายที่ตอนสาวๆไม่ค่อยมีโอกาสดูแลตัวเอง เพราะยังไม่มีสตางค์มาก เพิ่งมาดูแลจริงจังตอนอายุขึ้นเลขสี่ โดยค้นพบว่าการออกกำลังกายเป็นยาวิเศษอันดับหนึ่งเลย ได้หมดทั้งเรื่องสุขภาพและความงาม ชีวิตนี้ต้องออกกำลังกายทุกวัน ถ้าไม่ได้ออกกำลังกาย จะรู้สึกหงุดหงิดเหมือนขาดอะไรไป คือเสพติดการออกกำลังกายไปแล้ว เพิ่งจะมา 3-4 ปีที่ผ่านมา ถึงหันมาพึ่งเทคโนโลยีความงาม ทำพวกเลเซอร์ยกกระชับหน้า ตัวที่ได้ผลดีสุดคือ “อัลเธอรา” ทำมาแล้ว 2 ครั้ง อยู่ได้ราว 2-3 ปี เว้นๆทุก 2 เดือน ก็ไปทำเลเซอร์ยกกระชับตา ยังเล็งไว้ว่าอยากบินไปเกาหลียกเครื่องเลย
ในแวดวงเจ้าสัวเมืองไทยคงไม่มีใครจะหล่อเนี้ยบและไม่ยอมแก่เหมือน “เจ้าสัวบุญชัย โชควัฒนา” ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ถึงแม้จะอายุ 67 ปีแล้ว แต่ก็ยังหน้าใสกิ๊กจนหนุ่มๆอาย เจ้าสัวประกาศกับตัวเองตั้งแต่อายุแตะเลขสี่ว่า เราจะไม่ยอมแก่เด็ดขาด พอถึงอายุ 50 ก็จะยังคงหนุ่มแบบตอนนี้ ตั้งแต่นั้นมาจึงเริ่มออกกำลังกายจริงจัง พอถึงอายุ 50 จริงๆ ก็บอกตัวเองอีกว่า ถ้าเราอายุ 60 จะยังคงความหนุ่มให้ได้แบบนี้ เราจะไม่ยอมรับความแก่ทั้งหลาย จะไม่ยอมเคลื่อนไหวแบบคนแก่ ต้องต่อสู้ทุกอย่างเพื่อเอาชนะความแก่ชรา ผมอยากดูหนุ่มไปตลอด นอกจากเข้าฟิตเนสออกกำลังกายอย่างหนัก ผมยังดูแลตัวเองตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ผมบางลงก็ไปหาหมอ, หน้ามีกระก็ไปทำเลเซอร์จี้กระ, ตอนอายุ 50 ต้นๆ มีถุงไขมันใต้ตาก็ไปกรีดออก ผมจะบอกพนักงานทุกคนว่าถ้าจะทำงานกับผม อย่าปล่อยให้ผมขาว ต้องไปย้อมผมดำ ส่วนพวกเทคโนโลยีเลเซอร์ทั้งหลาย หรือพวกโบท็อกซ์ ผมไม่ทำ!! เพราะกลัวจะดูตึงผิดปกติ ทำจนดูหนุ่มเกินวัย ไม่ดี!! อะไรที่น่าเกลียดมากๆค่อยทำ ผมยังเป็นคนแรกๆที่ทำเลสิกแบบโมโนวิชั่น เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทำให้ดูไกลก็ได้ดูใกล้ก็ได้ เพราะใส่แว่นแล้วแก่ ทนไม่ได้เลย!!
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ผมคุมเข้มตั้งแต่อายุเข้าเลขสี่ พยายามทานน้อยๆ สั่งที่บ้านตลอดว่าทำอาหารน้อยๆอย่าเสิร์ฟเยอะ ผมจะชั่งน้ำหนักทุกวัน เพื่อคุมให้น้ำหนักคงที่ มื้อเช้าของผมจะทานกล้วยน้ำว้า 2 ใบ และข้าวโพดฝักหนึ่ง กับกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ส่วนกลางวันก็ทานอาหารง่ายๆจานเดียวไม่เบิ้ลเด็ดขาด มื้อเย็นจะทานแค่มาม่าหนึ่งถ้วยก็จบ ผมชอบวิ่งในห้องยิมและยกเวท สมัยก่อนวิ่ง 5 กิโล ภายใน 28 นาที แต่เดี๋ยวนี้ วิ่งได้แค่ 3 กิโลกว่า ก็พยายามกลับไปวิ่งให้ได้เหมือนเดิม แต่จะวิ่งเหลือแค่อาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพื่อเซฟข้อเข่า ตอนอายุ 50 เศษ เคยพยายามบลิวท์ซิกซ์แพ็ก แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะร่างกายผมกล้ามเนื้อไม่ทรหด ถึงตอนนี้ตั้งเป้าว่าอายุ 70 ก็ต้องดูดีเท่าปัจจุบัน แต่หลังจาก 80 ค่อยว่ากันนะว่ายังเอาอยู่หรือเปล่า
ลองใจสู้ซะอย่าง…แรงโน้มถ่วงโลกก็ทำอะไรเราไม่ได้!!
ขอขอบคุณ Thairath