จากรายงานของเว็บไซต์ฮิวแมนไรท์สวอทช์ องค์กรดูแลการละเมิดสิทธิระดับนานาชาติ ลงวันที่ 22 มิถุนายน กล่าวว่า ศาลภายใต้กฎหมายอิสลามได้ตัดสินลงโทษปรับกลุ่มสตรีแปลงเพศ 9 คน และอีกสองคนให้จำคุกเป็นเวลา 1 เดือน ตามกฎหมายที่เป็นการเลือกปฏิบัติทางเพศซึ่งห้ามมิให้ “บุคคลผู้มีเพศชายประพฤติตนเป็นหญิง”
รายงานระบุว่ากลุ่มสตรีแปลงเพศถูกตำรวจศาสนาในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จับกุมระหว่างการกวาดล้างในวันที่ 16 มิถุนายน ก่อนที่สตรีแปลงเพศเหล่านี้จะยอมรับสารภาพในวันถัดมา โดยสตรีแปลงเพศสองคนที่ถูกศาลสั่งจำคุกได้รับการปล่อยตัวภายใต้เงื่อนไขการประกันตัว
ฮิวแมนไรท์สวอทช์เรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีและเลิกการกดขี่บุคคลผู้ผ่านการแปลงเพศพร้อมกับขอให้ยกเลิกกฎหมายห้ามการแต่งกายข้ามเพศและระบบกฎหมายที่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มเลสเบียน, เกย์, ไบเซ็กชวล และบุคคลแปลงเพศ (LGBT)
สตรีแปลงเพศทั้ง 9 คน ถูกจับกุมในงานฉลองวันเกิดในโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอิสลามแห่งกลันตัน (JHEAIK) ซึ่งมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) ซึ่งมาตรา 7 ของกฎหมายชารีอะห์ปี 1985 ระบุว่า “ชายคนใดสวมเครื่องแต่งกายของผู้หญิงและแสดงพฤติกรรมแบบผู้หญิงในที่สาธารณะถือว่ากระทำความผิดให้รับโทษปรับไม่เกิน 1,000 ริงกิต (ราว8,400บาท) หรือจำคุกไม่เกิน 4 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ด้านกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนเพื่อกลุ่มสตรีแปลงเพศกล่าวว่า กฎหมายห้ามการแต่งกายข้ามเพศไม่เพียงละเมิดรัฐธรรมนูญ แต่ยังส่งเสริมให้เกิดการเลือกปฏิบัติ และการใช้ความรุนแรงต่อสตรีแปลงเพศอย่างกว้างขวาง