ที่มา: dodeden

ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า ในแวดวงทีวีดิจิตอล ที่กำลังแข่งขันรายการข่าวอย่างหนักนั้น หลายช่องได้คัดเลือกให้คนอ่านข่าวเก่งๆ มาเป็นจุดเด่น ที่แตกต่างจากผู้ประกาศข่าวทั่วไป

ซึ่งก่อนหน้านี้ นอกจาก พุทธ อภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้ดำเนินรายการทุบโต๊ะข่าว และรายการต่างคนต่างคิด ทางช่องอมรินทร์ทีวี  แล้ว “เอ – ดลยกฤตย์” ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คอข่าวมักจะหยิบรีโมท กดไปดู  รายการ “คุยข่าวเช้า” ทางช่อง 8 เวลา 05.00 – 09.30 น.

เรตติ้งข่าว ติดอันดับ 3 ของประเทศ และ อันดับ 1 ของรายการเล่าข่าวของทีวีดิจิตอลช่วงวันเสาร์และอาทิตย์เลยทีเดียว อาจเป็นเพราะด้วยรูปแบบรายการแปลข่าว พิธีกรใช้ภาษาที่ผู้ชมเข้าใจข่าวทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองได้ง่ายๆ  ภายใต้สโลแกน “เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย”   ทำให้ข่าวเช้าที่มีความยาวนานกว่า 4 ชั่วโมงเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อ

โดยช่วงเกือบๆ ปลายพฤษภาคม 2560 ทางค่ายอาร์เอส ออกข่าวโปรโมท “เอ – ดลยกฤตย์” เองว่าทีมข่าวเช้า และ  “เอ ดนยกฤตย์” ผู้ประกาศข่าวช่อง 8 ทำเรตติ้งข่าวติดอันดับ 3

ในข่าวพีอาร์ ระบุว่า “เอ – ดลยกฤตย์” กล้าการันตี ว่าเป็นรายการเล่าข่าวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ในตอนนี้  ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยคาแรกเตอร์ของ “เอ ดลยกฤตย์” ที่ออกสไตล์ชาวบ้านเสียงดังฟังชัด จึงถูดใจผู้ชม มีลีลาการพูดเหมือนโฆษกรายการวิทยุสมัยก่อน ด้วยลีลาของการเล่าข่าวที่แตกต่างกันจึงถือเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดใจผู้ชมท่ามกลางกระแสทั้งทีวีอะนาล็อก และทีวีดิจิทอลที่แข่งขันกันสูงในปัจจุบัน

“เอ”  เล่า ถึงพรสวรรค์และพรแสวงด้านการพูดของเขาว่า “คนจะมองว่าผมเป็นลูกชาวบ้าน ซึ่งการค้นพบตัวเองเพื่อทดแทนผลการเรียนที่ยอมรับว่าตอนเด็กๆ มีผลการเรียนที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ จึงหาข้อเด่นไปประกวดพูด และได้พูดในเวทีต่าง ๆ ในที่สุดก็ค้นพบว่าผมมีการพูดที่น่าฟัง ซึ่งตลอดการเป็นผู้ประกาศข่าวตลอด 5 ปี พยายามพัฒนาตนเองอยู่สม่ำเสมอ”

สุดท้าย ผมเชื่อว่า คนเรามันต้องมีการเรียนรู้  เตรียมทำการบ้าน  ต้องขยันอ่านหนังสือให้มากที่สุด แต่ความโชคดีผมคือ ผมรู้ว่าผมชอบอะไรมาตั้งแต่เด็ก ผมสนใจที่จะมองว่าคนไหนพูดดี คนไหนพูดแล้วฟังสนุก ผมก็จะพยายามที่เป็นอย่างนั้น หัดทำ หัดพูด จนได้มาเรียนรู้เรื่องการพูด

ซึ่งผมก็จับเทคนิคให้กับตนเองว่า การเป็นผู้ประกาศข่าว เวลาเล่าข่าว ให้เล่าแบบเต็มเสียง เต็มอารมณ์ เต็มอาการ อย่าเลียนแบบใคร จงเป็นสไตล์ของเราเอง ตีโจทย์ข่าวให้แตก แล้วเล่าข่าวออกมาให้ชัดเจนและเข้าใจง่ายที่สุด ขอขอบคุณ เฮียฮ้อ ที่ให้โอกาสได้มาทำงานในจุดนี้ครับ”

กระทั่งหลังจากนั้นไม่นาน เริ่มมีกระแสข่าวเกี่ยวกับผู้ประกาศข่าวคนนี้ในวงการนักข่าว จนเริ่มชัดเจนมากขึ้นในกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมานี้เอง หลายๆ คนตั้งคำถามว่า “เอ ดนยกฤตย์” ผู้ประกาศข่าวช่อง 8 หายไปไหน ?? ตอนแรกก็ว่าป่วย แต่หลังๆ ก็พูดกันปากต่อปาก รวมทั้งคอข่าวก็ถามหากันใหญ่  “เอ ดนยกฤตย์ หายไปไหน ?? 

ขณะที่ isranews ระบุว่า การทำสัญญาว่าจ้าง ‘ผู้ประกาศข่าว’ ในยุคสื่อทีวีดิจิทัลของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีลักษณะเป็น สัญญาทาส ที่กำหนดให้ผู้ประกาศข่าว ต้องทำงานตามคำสั่งที่นายจ้างมอบหมายไว้ทุกอย่าง โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้กระทั่งการโฆษณาขายสินค้าให้กับสถานี ภายในช่วงระยะเวลาตามสัญญาจ้าง

หากใครฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะถูกสั่ง ห้ามอ่านข่าว มีผลทำให้ไม่ได้รับเงินค่าจ้างที่จ่ายให้เป็นรายวันตามอัตราที่ตกลงกันไว้ และห้ามไปรับงานที่อื่น จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาว่าจ้างในสัญญา

แหล่งข่าวในวงการสื่อทีวีดิจิทัล เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranes.org  ว่า การว่าจ้างผู้ประกาศข่าวทีวีดิจิทัลช่องหนึ่ง มีการตกลงจ่ายเงินค่าตอบแทนการทำงานให้ผู้ประกาศข่าวรายหนึ่ง ในอัตราที่สูงถึงวันละ 1 หมื่นบาท จากการอ่านข่าวจำนวน 4 ชั่วโมงต่อ 1 วัน เมื่อครบหนึ่งเดือนจะจ่ายเงินค่าจ้างรวมให้ครั้งเดียว วันไหนไม่มาอ่านข่าวจะถูกหักเงิน จะจ่ายเงินตามวันที่มีการทำงานจริงเท่านั้น สิริรวมรายได้เฉลี่ยตกอยู่เดือนละประมาณ 3 แสนบาท!

ทั้งนี้ ในการว่าจ้างงานผู้ประกาศข่าว รายนี้  จะมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ระบุตำแหน่ง ‘พิธีกร’ ไม่ใช่ผู้ประกาศข่าว และจะต้องยินยอมทำงานทุกอย่างตามที่สถานีกำหนด ไม่เว้นแม้กระทั่งการเป็นพิธีกรดำเนินรายการโฆษณาขายสินค้าให้กับทางสถานี และผู้ประกาศข่าวไม่มีสิทธิที่จะยกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดระยะเวลาว่าจ้างที่ตกลงไว้ ซึ่งปัจจุบันกำหนดให้ลงนามเป็นระยะเวลายาวนานถึง 5 ปี

ซึ่งในช่วงเวลานี้ หากผู้ประกาศข่าว ฝ่าฝืน มีปัญหาไม่ปฎิบัติตามคำสั่ง มีสิทธิที่จะถูกสั่งห้ามอ่านข่าวได้ และห้ามไปรับงานที่อื่น จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา

แหล่งข่าว ยังกล่าวด้วยว่า ล่าสุดทราบข่าวมาว่า มีผู้ประกาศข่าวรายนี้ ในทีวีดิจิทัลช่องนั้น มีปัญหากับผู้อำนวยการสถานี หลังจากทำงานมาประมาณ 3 ปี เหลือสัญญาว่าจ้างอีก 2 ปี ทำให้ถูกสั่งห้ามมาอ่านข่าวอีก

สาเหตุมีจากความขัดแย้งในการทำงานหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการถูกบังคับให้ไปเป็นพิธีกรรายการขายโฆษณาสินค้าให้ จากช่วงแรกที่ตกลงแค่ให้มานั่งอ่านข่าวเท่านั้น

“เมื่อผู้ประกาศข่าวรายนี้ ถูกห้ามไม่ได้นั่งอ่านข่าวอีก จึงทำให้ต้องขาดรายได้เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวไปทันที เพราะข้อตกลงในสัญญามีลักษณะเป็นการจ้างทำของ ไม่ใช่สัญญาจ้างงานแบบบริษัทอื่นที่มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนเป็นรายเดือนให้ ข้อตกลงในสัญญาจะจ่ายเงินให้ตามผลสำเร็จของงานที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้ คือ จ่ายเงินจำนวนครั้งที่มาอ่านข่าวต่อวัน 4 ชั่วโมง คิดเป็นเงิน 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ ยังไม่สามารถไปรับงานที่อื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นแค่เสียงก็ตาม”

แหล่งข่าว ยังระบุด้วยว่า “ขณะนี้ผู้ประกาศข่าวรายนี้ กำลังเดือดร้อนมาก เพราะปัจจุบันไม่มีรายได้อะไรเลยตอนนี้ จะไปขอร้องให้ทางสถานียกเลิกสัญญาก่อน โดยยอมจ่ายเงินค่าเสียหายให้ ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ บอกแต่ว่าไม่ต้องมาอ่านข่าวอีกแล้ว คนในวงการที่รู้เรื่องก็ไม่รู้จะหาทางช่วยอย่างไร ทีวีช่องอื่นก็ไม่กล้าจ้างงานต่อ เพราะมีเงื่อนไขในสัญญาจ้างกำหนดอยู่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อคนในสถานีทีวีดิจิทัลรายหนึ่ง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ได้รับการยืนยันว่า มีมูลความจริง เบื้องต้น ได้พยายามหาช่องทางติดต่อผู้ประกาศข่าวรายนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้

คำพูดซึ้งใจคำหนึ่งของเขาคือ “ขอขอบคุณ เฮียฮ้อ ที่ให้โอกาสได้มาทำงานในจุดนี้ครับ” นั่นคือการบ่งบอกถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แต่คนดังหลายๆ คน อาจจะลืมไปว่า เราคือ ลูกจ้าง ซึ่งต่อให้ทำดี แทบตายก็คือลูกจ้าง

ส่วนภาพในเฟสบุ๊คของ ดนยกฤตย์ เอ ข่าวเช้า ได้มีคนส่งกำลังใจไปให้มากมาย พร้อมทั้งระบุว่าคนเก่งๆ แบบนี้ในวงการข่าวยังขาดอีกเยอะมาก ช่องต่างๆ อยากได้คนเก่งๆ ลักษณะนี้มาทำงานอีกหลายช่อง  ! 

เรื่องน่าสนใจ