เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมชั้น 2 คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รศ.ดร. ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมด้วย รศ.ดร. อนุชิตา มุ่งงาม คณบดีคณะเทคโนโลยี อาจารย์สิริพร ลาวัลย์ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยี
ร่วมกันแถลงข่าว การค้นพบ สูตรชาสมุนไพรสำหรับควบคุมและบรรเทาอาการของโรคสะเก็ดเงิน เป็นผลงานวิจัยของอาจารย์สิริพร ลาวัลย์ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สังกัดหน่วยวิจัยโภชนาการเพื่อสุขภาพได้รับรองความปลอดภัยและขึ้นทะเบียนจากคณะกรรมการอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว
อาจารย์สิริพรกล่าวว่า โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการหนาตัวของชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นตุ่มหรือปื้นแดง ที่มีขุยหรือสะเก็ดขาวติดอยู่ ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพันธุกรรม ความผิดปกติในกระบวนการเผาผลาญอาหาร และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนัง ก่อให้เกิดรอยโรคเป็นลักษณะปื้นหนา เป็นเรื้อรัง ขึ้นๆ ยุบๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่หายขาด เป็นลักษณะ Chronic Plaque type psoriasis
บางรายเกิดร่วมกับผิวอักเสบ ผู้ป่วยจะได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ รู้สึกอับอาย เกิดความเครียดทางจิตใจจนอาจไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่รักษาแล้วไม่หายขาด การรักษามีหลายวิธี การรักษาด้วยยา ทั้งการทา การรับประทาน การใช้ยาฉีด และการรักษาด้วยแสง ซึ่งแนวทางการรักษาเหล่านี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะสามารถรักษาอาการของโรคได้ในระยะเวลายาวนาน การรักษาจึงต้องทำอย่างต่อเนื่อง เสียค่าใช้จ่ายสูง ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถรักษาได้อย่างต่อเนื่องซึ่งไม่มีผลดีกับการพยากรณ์โรค
การเลือกใช้ชาสมุนไพรนับเป็นวิธีการที่เหมาะกับผู้ป่วยเพราะสามารถรับประทานได้นาน ต่อเนื่อง มีความเป็นพิษต่ำ โดยสมุนไพรที่นำมาใช้เป็นสมุนไพรจีนผสมกับสมุนไพรไทย ที่มีองค์ประกอบของ oleanolic acid ที่ช่วยบำรุงผิวหนังและต้านการอักเสบ ร่วมกับสมุนไพรไทยที่ช่วยเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ถูกนำมาพัฒนาเป็นสูตรที่ชาเฉพาะที่มีความปลอดภัยสูง และส่งผลถึงภาวะของโรคสะเก็ดเงินทำให้ลดอาการคัน การอักเสบและการหลุดลอกของผิวหนังได้ อย่างชัดเจน ทางผู้วิจัยมีศักยภาพที่จะรับผลิตชาเพื่อผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน ได้ในระดับมหภาคแล้ว
ด้านนางธนิกา โคตะบิน ผู้ปกครองของน้อยออย จากจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า น้องออยมีอาการของโรคสะเก็ดเงินกว่า 3 ปี ไปรักษาทุกที่ แพทย์ยืนยันว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ต่อมาทางอาจารย์สิริพรได้ทราบและติดต่อ ให้น้องออยได้ดื่มชาสมุนไพร หลังดื่มได้ประมาณ 2 เดือน อาการผิวหนังลอก อักเสบ และคัน หายไป
ปัจจุบันผิวหนังเป็นปกติ และน้องออยสามารถไปโรงเรียนได้แล้ว แต่ยังคงต้องรักษาความสะอาดในเรื่องของสุขอนามัย เช่น เรื่องเสื้อผ้า การเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกวัน หรือแม้แต่ของการควบคุมอาหาร ควบคู่ไปกับการดื่มชาสมุนไพร ถือว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ได้พูดคุยกับลูกชายอาการดีขึ้นมากจนเกือบเป็นปกติ และไปโรงเรียนได้ และไม่เป็นรังเกียจของเพื่อน ๆ