ยกกระชับหน้า ย้อนอายุได้สมใจ มีวิธีการแบบไหนบ้างนะ? เพราะปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทําให้ความยืดหยุ่นของผิว Collagen ในผิวชั้นกลาง และความยืดหยุ่นของ Elastic Fiber ลดลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เปรียบได้กับโครงสร้างค้ำยันของผิว เมื่อโครงสร้างผิวไม่แข็งแรง ผนวกกับไขมันส่วน เกินที่อยู่ในชั้นผิวของเรา จึงทําให้เกิดความหย่อนคล้อยเกิดขึ้น ทำให้ผิวแลดูไม่กระชับ
นอกจากนี้ ชั้นรอยต่อระหว่างผิวชั้นบนกับผิวชั้นกลางยังยุบตัวแบนลง เป็นผลให้ผิวชั้นกลางได้รับสารอาหารน้อยลง ผิวจึงอ่อนแอ และถูกทําลายได้ง่าย ส่วนในผิวชั้นลึก ชั้นไขมันจะบางลง ทําให้ผิวหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอย ซึ่งนอกจากปัจจัยเรื่องของอายุแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ซึ่งได้แก่ความเครียด การลดน้ำหนัก แสงแดด อนุมูลอิสระ ปัญหาไขมันส่วนเกิน เป็นต้น
อดีต ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็นหนังตาตก แก้มคล้อย ร่องแก้มย้อย โหนกแก้มตก มุมปากตก คางสองชั้น ริ้วรอยบริเวณลําคอ รวมถึงไขมันส่วนเกินใต้ท้องแขน ต้นขา เอว สะโพก ฯลฯ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการผ่าตัด ซึ่งบางรายต้องมีการตัดผิวหนังส่วนเกินออก อย่างการผ่าตัดดึงหน้า จะมีการเย็บแผลเก็บบริเวณหลังหู หรืออาจจะใช้การดูดไขมันเข้าช่วย ถ้าเป็นความหย่อนคล้อยตามร่างกาย ซึ่งมีความเสี่ยงสูง และต้องมีการพักฟื้นหลังผ่าตัด
ปัจจุบัน เทคโนโลยีด้านความงามได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่คนเรายังต้องการให้ตัวเองสวยหล่อสมวัย หรืออ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ จึงเกิดเทคโนโลยีทันสมัยมากมาย ซึ่งเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาความหย่อนยานอันไม่พึงปรารถนา แบบเห็นผล ไม่ต้องเจ็บตัวมาก แถมพักฟื้นสั้น ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ
เครื่องมือในกลุ่มของ Radio Frequency (RF)
ที่ผ่านมา เครื่องมือที่นํามาใช้ในการยกกระชับหน้า คือเครื่องมือในกลุ่มที่เป็น RF เช่นเทอร์มาจ (Thermage) ซึ่งมีหลักการคือการยิงคลื่นวิทยุความถี่สูงเข้าไปใต้ผิวหน้า ทําให้เกิดความร้อนความร้อนนี้เอง จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้ เป็นการให้ความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายใน ข้อดีของวิธีนี้ก็คือ ผลข้างเคียงน้อย หน้าไม่ไหม้ ไม่มีบวม ขณะที่ทำอาจจะรู้สึกเจ็บบ้าง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เจ็บ ไม่มีแผล หน้าไม่มีสะเก็ด หลังทําสามารถไปทํางานได้ตามปกติ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้เครื่องมือในกลุ่ม RF อยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสําหรับคนที่มีปัญหาไม่มากนัก
เครื่องมือในกลุ่มของการใช้คลื่นเสียง (Focused Ultrasound)
เป็นเครื่องมือในกลุ่มเดียวกันกับที่แพทย์ในอดีตนํามาใช้ยิงก้อนนิ่ว เป็นการใช้ตัวโฟกัสอัลตร้าซาวด์ ทําให้เกิดความร้อนใต้ผิวหนัง เช่น เครื่องอัลเธอร่า (Ulthera) ข้อดีของเครื่องมือชนิดนี้ จะคล้ายกับกลุ่มซอง RF คือ มีความบอบช้ำน้อยมาก ตอนทําอาจจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่มีรอยแดง ไม่มีสะเก็ด หลังทําไปแล้วสามารถไปทํางานได้เลย แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยได้ผลในคนที่มีความหย่อนคล้อยมาก เพราะเป็นการยิงจากภายนอกสู่ภายใน การทําจะทําเพียงครั้งเดียว อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
ร้อยไหม ยกกระชับ
การร้อยไหมเพื่อยกกระชับ ทำกันมาหลายปีแล้ว โดยเริ่มแรกจะใช้ไหม Aptos Threads เป็นไหมที่มีฟันปลาเล็กๆ อยู่ตลอดเส้น เพื่อดึงรั้งเนื้อใต้ผิวหนังให้ตึงขึ้น จัดเป็นกลุ่มเส้นไหมที่ไม่ละลาย เข็มที่ใช้มีขนาดใหญ่ ขณะทําจะเจ็บมาก มีรอยฟกช้ำมากหลังทํา และมักจะเกิดปัญหาในระยะยาวได้ เช่น นานๆ ไป อาจพบแง่งไหมโผล่ออกมาจากผิวหนังให้เห็น ต้องไปผ่าออก หรือเมื่อเงี่ยงหรือฟันปลาหลุดออกเมื่ออายุมากขึ้น ก็ทําให้ไหมไม่ได้ผลตามที่ต้องการ ต่อมามีการยกกระชับด้วยไหมทองคํา (Gold Thread) แม้จะมีข้อดีที่เกิดรอยช้ำหลังทําน้อยกว่า แต่มีข้อเสียที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก อาจมีปัญหาสําหรับผู้ที่แพ้โลหะ ทําได้เฉพาะบางที่ บางบริเวณ เช่น ใบหน้า คอ แขนเท่านั้น และการร้อยเส้นไหมทองคํา ถ้าผิดพลาด ต้องผ่าตัดเอาไหมออก
แต่ในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีการร้อยไหมจากประเทศเกาหลี ที่นําไหมละลายมาใช้ในการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าโดยไหมที่ใช้จะเป็นไหมละลายชนิดพิเศษ ที่เคลือบด้วยสารกระตุ้นคอลลาเจน (เป็นข้อดีที่แตกต่างจากไหมละลายทั่วไป) จึงไม่เพียงช่วยแค่เรื่องของการพยุงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนด้วย วิธีนี้ สามารถทําให้ผิวหนังชั้น SMAS ฟื้นฟูตัวเองได้ เพราะเป็นการกระตุ้น ทําให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้ในระดับความลึก 3-4 มิลลิเมตร โดยไม่กระทบกับผิวชั้นบน เมื่อ SMAS ดีขึ้น ก็จะดึงรั้งใยคอลลาเจนที่ยึดกับผิวชั้นบนตรงตําแหน่งโพรงขน และ Retepeg ทําให้ผิวที่เกิดการหย่อนคล้อย ค่อยๆ ตึงกระชับขึ้น
………………………………………………
คนที่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกใช้วิธีการไหนดี แนะนําว่า การเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น เหมาะสมกับความต้องการ และแก้ไขปัญหารูปหน้าได้ถูกวิธีค่ะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com
